4 คำถามอันมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กลายเป็น “บทเรียน” อันสำคัญยิ่งในทาง “การเมือง”

โดยเฉพาะบทบาท ความหมายของ “คำพูด”

บทสรุปที่ว่า “ก่อนพูดเราเป็นนาย แต่เมื่อพูดออกมาคำพูดจะกลายเป็นนาย”

มีความแจ่มชัดอย่างเห็นเป็นรูปธรรม

โดยสถานะทางการเมือง ทางการทหาร เหมือนกับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสามารถควบคุมและกำกับ “คำพูด” ของตนได้

ผ่านกลไกของ “มหาดไทย” ผ่านกลไกของ “กองทัพ”

สัมผัสได้จากการขานรับอย่างเอาการเอางานจากปลัดกระทรวงมหาดไทยไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ทุกจังหวัดทั่วประเทศ

ถามว่าจะ “ควบคุม” ได้ตาม “ความต้องการ” หรือ

 

อย่างน้อยที่สุด “ความเห็น” ต่อ 4 คำถามจาก “นักการเมือง” ก็สวนออกมาอย่างตรงไปตรงมา

ไม่ใช่ว่าจะมาแต่จาก “เพื่อไทย”

ตรงกันข้าม ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒ นา ล้วนคึกคักเป็นอย่างมาก

รุนแรง แข็งกร้าวยิ่งกว่าพรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ

เมื่อมีเสียงสำทับจาก พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ว่ากระทรวงมหาดไทยจะใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือนคงมีคำตอบกลับมาให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

3 เดือนนับจากวันที่ 26 พฤษภาคม จึงมากด้วยความคึกคัก เข้มข้น

เข้มข้น คึกคัก อย่างยากต่อ “การควบคุม”

 

ตอนนี้บทบาทและความหมายมิได้อยู่ที่ว่า “คำตอบ” อันมาจากการ รวบรวมของ “ศูนย์ดำรงธรรม” จะเป็นอย่างไร

หากอยู่ที่ “บทสรุป” ต่อ “คำถาม”

และเมื่อ “คำถาม” นั้นมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทุก “บทสรุป” จึงมิได้อยู่ที่ประเด็นของ “การเลือกตั้ง”

หากแต่อยู่ที่ตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่างหากคือ “ตัวแม่บท” คือรากที่มาของ “ความเห็น”

ความเห็นอันสัมพันธ์กับ “รัฐประหาร” เดือนพฤษภาคม 2557