เผยแพร่ |
---|
ประกาศจากสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย งดการแถลงข่าวในวันที่ 12 มีนาคม
สำคัญและทรงความหมาย
“เพื่อให้ความร่วมมือจากทางราชการ และเพื่อให้ทุกอย่างเป็น ไปด้วยความเรียบร้อย จึงของดให้สื่อมวลชนเข้าทำข่าวในพื้นที่มูล นิธธรรมกาย
“จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง”
ประกาศนี้อาจทำให้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน สรุปว่าเป็นความ พ่ายแพ้และเป็นบท”อวสาน”ของวัดพระธรรมกาย
เป็น”ชัยชนะ”อย่างเป็นรูปธรรมของ “ปฏิบัติการ”
เพราะเท่ากับสะท้อนว่าวัดพระธรรมกายได้แสดงการยอมจำนน ยอมรับต่อความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย มิได้ดำรงอยู่อย่างเป็น “รัฐอิสระ”เหมือนที่เคยเป็น
เป็นเช่นนั้นจริงหรือ
ก็บอกแล้วว่าการจะสรุปและลงความเห็นว่า ปฏิบัติการตลอด 23 วันประสบความสำเร็จหรือไม่ อย่างไร
จะดูจาก”คำพูด” ไม่ได้
จำเป็นต้อง “ตรวจสอบ” จากสภาพความเป็นจริงของการปฏิบัติ ของการแสดงออก
ลองตามไปดูกับ “สื่อออนไลน์”ของ”ธรรมกาย”
ไม่ว่า นายไพบูลย์ นิติตะวัน ไม่ว่า นพ.มโน เลาหวณิช ย่อมจะเห็นการเคลื่อนไหวอันอึกคัก
สะท้อนความปีติ สะท้อนความปราโมทย์
เป็นความปรีติเมื่อญาติโยมที่ทะยอยเดินทางจากตลาดกลาง คลองหลวง เข้าไปภายในวัด
มืออันพนมมี”ดอกบัว” สีหน้าชื่นบาน
เป็นความดีใจที่ได้เดินทางเข้าไปภายในวัดพระธรรมกายโดยไม่ถูกสกัด ขัดขวาง เหมือนกับเมื่อ 20 วันที่ผ่านมา
อุบาสก อุบาสิกา เหล่านี้”ดีใจ”กับอะไร
ท่าทีของอุบาสก อุบาสิกา ที่เดินพนมมือเข้าวัดพระธรรมกายพร้อมกับดอกบัว
สะท้อนการยอมจำนน รับกับความพ่ายแพ้อย่างนั้นหรือ
ตรงกันข้าม เสียงสวดมนต์อันพร้อมเพรียงกันกลับดังกระหึ่มจากมหาเจดีย์
เพียง 1 วันเป้าหมาย 30,000,000 จบก็”บรรลุ”
ไม่เพียงแต่เป็นการสวดในหมู่อุบาสก อุบาสิกา อันเป็น”แฟน คลับ”ของวัดเท่านั้น
หากแม้กระทั่ง”ตำรวจ” ก็ยังร่วม”สวด”
ใครที่สวดยังไม่คล่องยังมีการแจกหนังสือ”ธัมมจักกัปปวัตน สูตร” ให้
พิธีกรรมอันเคยปฏิบัติก็ยังปฏิบัติต่อไป
นี่จึงมิได้เป็นชัยชนะ นี่จึงมิได้เป็นความพ่ายแพ้ หากแต่เป็นภาพสะท้อนแห่งความเป็นเอกภาพระหว่างพุทธศาสนิกชนด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นพระ สามเณร ไม่ว่าจะเป็นฆราวาส