E-DUANG : ​​”บารมี” ปรองดองจาก ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ทำไมไม่ว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไม่ว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล จึงให้บทบาท พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ค่อนข้างสูง
ถึงกับยกย่องว่าเป็น “พี่ใหญ่”
เหมือนกับ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล จะมองข้าม “สถานการณ์”ไปอย่างเจตนา
เท่ากับฝาก “ความหวัง” ไว้กับคนๆเดียว
เท่ากับยังติดอยู่ในความคิด ความเชื่อมั่นต่อบทบาทของคนในแบบ “อัศวินม้าขาว”
ยกย่อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เหมือนกับเป็น”อัศวิน”
เป็นอัศวินที่ควบขับ “ม้าขาว”มาปราบยุคเข็ญภายใต้สถาน การณ์แห่งความขัดแย้ง และแตกแยก
ขัดแย้งตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549
แตกแยกและขยายวงออกไปอย่างกว้างขวางก่อนรัฐประหาร เดือนพฤษภาคม 2557
“อัศวิน” คนเดียวจะแก้ไขได้ละหรือ

จะตอบคำถามนี้ได้จำเป็นต้องรับรู้ในบทบาทและความหมายของ คำว่า “พี่ใหญ่” ในทางการเมืองและในทางการทหาร
“พี่ใหญ่” คนนี้เป็น “ทหาร”
อำนาจ วาสนาและบารมี เบื้องต้นจึงแผ่ออกไปในแวดวงของ “ทหาร”เป็นเบื้องต้น
เป็น”พี่ใหญ่”ในแวดวงแห่ง “บูรพาพยัคฆ์”
ขณะเดียวกัน ก็ขยายขอบเขตไปยังแวดวงอย่างที่เรียกว่า “วงศ์ เทวัญ”ด้วย
จาก “ทหาร”ก็เข้าไปยังแวดวง “การเมือง”
ต้องยอมรับว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สามารถต่อสายได้กับ “การเมือง” ทุกพรรค ทุกกลุ่ม
ไม่จำกัดเพียงแต่ “พรรคภูมิใจไทย”อย่างที่เข้าใจ
ตรงกันข้าม มือแห่งไมตรียังยื่นยาวเข้าไปยัง “พรรคประชาธิปัตย์” และไม่เว้นแม้กระทั่ง “พรรคเพื่อไทย”
“น้ำเสียง” ชื่นชมจาก พรรคเพื่อไทยจึงกระหึ่ม
กระหึ่มจาก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กระหึ่มจาก นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
2 คนนี้สำคัญแค่ไหน ใครๆก็รู้

การตั้งความหวังและฝากความเชื่อมั่นต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงทรงความหมาย
มิใช่เพราะมองเห็นแต่ด้านของ “อัศวินม้าขาว”
หากยังมองในแง่อำนาจ วาสนา บารมี ที่แผ่กระจายในแวดวงของ “ทหาร” ประสานเข้ากับแวดวง “การเมือง”
ระดับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงเป็นตะเกียงเปี่ยมน้ำมัน
ถ้าปฏิบัติการระดับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ประสบความสำเร็จ ก็ยากยิ่งจะมีใครสามารถทำได้
ต้องจมดิ่งไปในความขัดแย้ง แตกแยก
ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ย่อมสิ้นหวังโรยราทั้งคู่