เชิงบันไดทำเนียบ : พอแล้ว ! บทวัดใจ ‘บิ๊กป้อม’ บทพิสูจน์ ‘พี่ใหญ่’ ในวัน ‘บารมีลด’ นั่งแค่ รองนายกฯ

ทุกอย่างมีขึ้นมีลง เปรียบเช่น ‘อำนาจ-บารมี’ ที่เข้ามา ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์-คสช. กำลังเผชิญกับช่วงเวลา ‘บีบหัวใจ’ อีกครั้ง ก่อนเข้าสู่ ครม.ใหม่ ที่เหลือเพียงเก้าอี้ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ที่ดูแลกิจการ ตร. ในฐานะ ประธาน ก.ตร. แต่หลุดจากเก้าอี้ รมว.กลาโหม ที่ พล.อ.ประวิตร ย้ำถึงปัญหาสุขภาพ พร้อมกล่าวถึงช่วงระยะเวลา 8 ปี ที่เป็น รมว.กลาโหม ตั้งแต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ 3 ปี รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 5 ปี หลังสื่อแซวให้อยู่ครบ 10 ปี ทำให้ พล.อ.ประวิตร ตอบกลับว่า “เห้ย พอแล้ว”
.
ด้วยท่าทีของ พล.อ.ประวิตร ที่ให้สัมภาษณ์ 4ก.ค.ที่ผ่านมา ที่มีท่าทีที่เรียบนิ่งมากขึ้น เหมือนกำลังทิ้งทวนบางอย่าง และเป็นการตอบคำถามเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีชัดที่สุดในรอบ 1-2 เดือน โดยที่ผ่านมาท่องคาถา “ไม่รู้” มาตลอด แน่นอนว่า พล.อ.ประวิตร คงมีอาการใจหายไม่น้อย แต่ด้วยความเป็น ‘พี่ใหญ่’ และเป็น ‘นายทหาร’ มาก่อน จึงไม่แสดงอาการใดๆออกมา แต่ไม่ว่าจะเป็นใครหรืออยู่ในจุดใด สิ่งที่หลีกหนีไม่พ้นคือ ‘ความรู้สึกลึกๆ’ ที่มีเพียงคนใกล้ชิดที่รู้หรือตัวเองที่รู้เท่านั้น
.
ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ถูกมองเป็น ‘จุดอ่อน’ ของรัฐบาลมาโดยตลอด แต่อีกด้าน พล.อ.ประวิตร ถือเป็น ‘จุดแข็ง’ ของ นายกฯมาตลอด หากไม่มี พล.อ.ประวิตร ที่ช่วยในหลายๆเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ลำบากเช่นกัน ผ่านคอนเนกชั่นที่ พล.อ.ประวิตร มีอยู่ ที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ซุปเปอร์คอนเนกชั่น’ เลยทีเดียว ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็น นายกฯ อีกครั้งด้วย ที่ชัดเจนที่สุดคือผ่านการคัดเลือก ส.ว. ที่ยกโหวตเลือกนายกฯแบบไม่มีแตกแถว ซึ่ง พล.อ.ประวิตร เป็น ปธ.คณะกรรมการสรรหา ส.ว. ถูกวิจารณ์หนักและถูกกดดันให้เปิดรายชื่อคณะกรรมการฯ
.
จึงไม่แปลกหาก พล.อ.ประวิตร จะกลับมาร่วม ครม.ใหม่ อีกครั้ง แม้จะมีกระแสต้านก็ตาม รวมทั้ง ‘บิ๊กป๊อก’พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่กลับมานั่ง มท.1 อีกครั้ง ครบทีม ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ สามพี่น้องแค่มองตาก็รู้ใจ แม้ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร จะมีแรงสะเทือนให้หลุดเก้าอี้รัฐมนตรีหลายครั้ง แต่ก็ไม่หลุดไปไหน เป็นอีกหนึ่ง ‘รัฐมนตรีเก้าอี้เหนียว’ เลยก็ว่าได้

อย่างไรก็ตามช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้ว่านายทหาร-ตร.ที่เป็นสายวงษ์สุวรรณหรือเป็นน้องรัก พล.อ.ประวิตร ต่างเติบโตในสายต่างๆ แม้ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจะมีข้อจำกัดในการจัดโผโยกย้ายนายทหารก็ตาม ด้วยบริบทโครงสร้างและดุลอำนาจต่างๆในกองทัพที่เปลี่ยนไป ซึ่งบารมีนี้สะท้อนผ่านการเปิดมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดฯ ใน ร.1 รอ. ช่วงวันเกิด พล.อ.ประวิตร 11ส.ค. ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา แม้ในระยะ 2 ปีหลังมานี้ พล.อ.ประวิตรจะโลว์โปร์ไฟล์ลดขนาดงานลงไปมาก แต่ในความเป็น ‘พี่ใหญ่’ ก็ส่ง ‘น้องรัก’ หลายคนไปถึงฝั่งเรียบร้อย แต่หลายคนก็ยังอยู่ระหว่างทาง
.
แต่ยังมีความเชื่อว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะควบ รมว.กลาโหม ก็จะมี พล.อ.ประวิตร อยู่เบื้องหลังหรือเป็นรัฐมนตรีกลาโหมเงาอยู่ เพราะทั้ง ‘2ป.ประยุทธ์-ประวิตร’ ต่างสายตรงกันอยู่แล้ว ซึ่งตามหลักการแล้ว พล.อ.ประวิตร ก็สามารถเป็นที่ปรึกษาให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ในฐานะที่ทำงานกลาโหมมาก่อนและมีประสบการณ์มากถึง 8 ปี อีกทั้งรู้จักกับ รมว.กลาโหมอาเซียนทั้งหมด และ พล.อ.ประวิตร ยังเป็น รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงอยู่เช่นเดิม ซึ่งกระทรวงกลาโหมก็ถือเป็นกระทรวงความมั่นคงด้วย
.
จากนี้ไปเป็นบทพิสูจน์สำคัญของ พล.อ.ประวิตร ที่จะเข้าสำนวนที่ว่า ‘ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน’ ในวันที่ พล.อ.ประวิตร เหลือเพียงเก้าอี้รองนายกฯ ไม่ได้ควบ รมว.กลาโหม เช่นเดิมแล้วนั้น จะมี ‘บารมี’ มากเท่าเดิมหรือไม่ ? รวมทั้งสภาพแวดล้อมรอบข้างจะเปลี่ยนไปหรือไม่ ? แต่ด้วย ‘พี่ใหญ่’ คนนี้ที่ผ่านอะไรมามาก เชื่อกันว่า พล.อ.ประวิตร รู้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ในเรื่องการขึ้น-ลงของ ‘อำนาจ-บารมี’ ที่เจอมาเอง ตั้งแต่เป็นนายทหารใน ทบ.
.
แต่สิ่งหนึ่งที่ พล.อ.ประวิตร จะได้กลับมาก็คือ ‘เวลา’ ที่จะได้ดูแลสุขภาพมากขึ้น ตามที่นายทหารน้องรักหลายคนต้องการให้ พล.อ.ประวิตร ดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง เพราะก่อนหน้านี้หักโหมร่างกายมามาก ไม่ได้พักผ่อนเท่าที่ควร ด้วยความห่วงงานของพล.อ.ประวิตร จึงต่างเกรงกันว่าจะอาการทรุดไปกว่าเดิม
.
แต่ด้วยความเป็น ‘พี่ใหญ่’ ของ พล.อ.ประวิตร ไม่ทิ้งน้องแน่นอน จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ทิ้ง พล.อ.ประวิตร ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แม้จะเจอแรงเสียดทานขนาดไหน กับภารกิจ ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ ที่ยังไม่ ‘ลงหลังเสือ’ ง่ายๆ
.
ภารกิจยังไม่จบ ก็ยังกลับไม่ได้ !!