ธงทอง จันทรางศุ : บ่ายวันหนึ่งในชีวิต

แต่ก่อนแต่ไรมาถ้าถามว่าวันที่ 14 ตุลาคม มีความหมายอะไรเป็นพิเศษสำหรับผมหรือไม่

สำหรับคนวัยเดียวกับผมที่เข้าเป็นนิสิตปี 1 ในมหาวิทยาลัยเมื่อพุทธศักราช 2516 และนับว่าเป็นคนที่ได้ผ่านเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516 มาด้วยตนเอง ก็ย่อมจะจดจำได้เป็นอย่างดีว่าวันที่ 14 ตุลาคม ปีนั้นเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งของเมืองไทย

ยังจำได้ดีว่าค่ำวันนั้นเวลาประมาณสักหนึ่งทุ่ม โทรทัศน์ของบ้านเราซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่ช่องถ่ายทอดสดภาพ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” พระราชทานกระแสพระราชดำรัสเพื่อขอให้ทุกคนตั้งสติและระงับเหตุการณ์ความวุ่นวายจลาจลที่เกิดขึ้นมาตลอดทั้งวัน

ผมและครอบครัวนั่งร้องไห้ชมการถ่ายทอดครั้งประวัติศาสตร์หนนั้นอยู่หน้าจอโทรทัศน์

หลังจากพระราชทานพระราชดำรัสองค์นั้นแล้วบ้านเมืองก็กลับคืนสู่ความสงบโดยเร็ว เป็นที่มหามหัศจรรย์ของทุกคนทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ ทั้งนี้ ด้วยเดชะพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมโดยแท้

คนรุ่นผมเห็นจะยังจดจำภาพและเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ด้วยกันทั้งสิ้น

000_h52v0-1

แต่ถ้านับจากปีนี้ คือพุทธศักราช 2559 เป็นต้นไป ความทรงจำพิเศษสำหรับผมเมื่อนึกถึงวันที่ 14 ตุลาคม ย่อมจะหมายรวมถึงครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้ไปเฝ้ารออยู่ริมถนน เพื่อจะได้มีโอกาสเพียงเสี้ยวหนึ่งของนาทีสำหรับการหมอบกราบถวายบังคมพระบรมศพ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” พระองค์เดียวกันกับพระองค์ที่ผมเคยเฝ้าอยู่หน้าจอโทรทัศน์เมื่อสี่สิบสามปีก่อน ขณะขบวนอัญเชิญพระบรมศพจากโรงพยาบาลศิริราชกำลังเดินทางสู่พระบรมมหาราชวัง

หลังจากรับรู้ข่าวการเสด็จสวรรคตจากแถลงการณ์ของสำนักพระราชวังในตอนค่ำวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พร้อมกันกับประชาชนคนไทยทั้งหลาย ขณะอยู่พร้อมหน้ากันกับชาวจุฬาฯ อีกหลายคนที่ศาลาพระเกี้ยวแล้ว ผมก็เดินทางกลับบ้าน

ค่ำวันนั้นถามตัวเองว่า ในวันรุ่งขึ้นซึ่งย่อมเป็นการแน่นอนว่าจะมีการอัญเชิญพระบรมศพจากโรงพยาบาลศิริราชไปยังพระบรมมหาราชวัง ผมจะทำอะไรกับชีวิตของผม

ใครต่อใครก็ย่อมคาดเดาได้ว่าในวาระเช่นนี้โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยย่อมจะได้ทำหน้าที่ถ่ายทอดเหตุการณ์สดจากพื้นที่ให้คนไทยได้รับทราบรายละเอียด

แต่ครั้นจะให้นั่งชมการถ่ายทอดโทรทัศน์แล้วนั่งร้องไห้อยู่กับบ้านนั้น ผมทำไม่ได้

ทางเลือกอีกทางหนึ่งคือบอกตัวเองว่าเป็นข้าราชการที่เกษียณอายุมาหนึ่งปีแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นถ้าแต่งตัวเต็มยศ ติดเหรียญตราใส่สายสะพายเข้าไปในพระบรมมหาราชวังก็คงมีโอกาสที่จะมีที่นั่งเฝ้าฯ ตามตำแหน่งที่สมควร

ขณะเดียวกันก็มีทางเลือกอีกทางหนึ่ง คือการบอกกับตัวเองว่า ผมเป็นพสกนิกรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เหมือนกับคนไทยอีกหกสิบกว่าล้านคนทั่วประเทศ

ผมเชื่อว่าถ้าทุกคนสามารถทำได้ดังใจปรารถนา ทั้งหกสิบกว่าล้านคนคงอยากมาอยู่เรียงรายตามสองข้างทางที่ขบวนอัญเชิญพระบรมศพจะเคลื่อนผ่าน

ผมก็เป็นคนหนึ่งในจำนวนหกสิบกว่าล้านคนนั้น แถมตัวเองยังมีภาษีดีกว่าคนอื่นอีกมากเพราะมีบ้านช่องอยู่ในพระนคร

แล้วทำไมเล่าจะไม่ทำอย่างที่หัวใจปรารถนา

A van carries the body of Thai King Bhumibol Adulyadej's to his palace in Bangkok on October 14, 2016. Bhumibol, the world's longest-reigning monarch, passed away aged 88 on October 13, 2016 after years of ill health, removing a stabilising father figure from a country where political tensions remain two years after a military coup. / AFP PHOTO / MUNIR UZ ZAMAN
AFP PHOTO / MUNIR UZ ZAMAN

คํ่าวันที่สิบสามนั่นเองผมจึงโทรศัพท์พูดคุยกับเพื่อนที่คุ้นเคยกันบ้าง กับลูกศิษย์ลูกหาที่ติดต่อกันอยู่เป็นประจำบ้าง เพื่อสอบถามว่าวันพรุ่งนี้มีใครคิดอ่านอะไรกันบ้าง

หลังจากสอบถามกันแล้วก็ได้คนที่จะร่วมคณะกันไปถวายบังคมพระบรมศพอยู่ริมถนนที่ใดที่หนึ่งสุดแต่จะเป็นไปได้ในราวสิบคน

นัดหมายกันเบื้องต้นว่าให้ไปพบกันที่วัดชนะสงคราม เพราะนึกวางแผนการจราจรว่าถ้าใช้เส้นทางถนนสามเสนและไปเสียตั้งแต่เช้าก็เห็นจะพอนำรถเข้าไปถึงวัดชนะสงครามได้

อีกประการหนึ่งที่วัดนั้นก็มีพระภิกษุที่คุ้นเคยและได้รับเมตตาจากท่านอยู่เป็นประจำ เห็นจะพออาศัยพักพิงได้ระหว่างรอเวลาให้พร้อมเพรียงกัน

นอกจากการโทรศัพท์นัดหมายกับเพื่อนและลูกศิษย์แล้ว ผมก็ได้โทรศัพท์ไปนมัสการพระคุณเจ้ารูปนั้นให้ท่านทราบล่วงหน้าด้วยว่าผมจะไปรบกวนท่านตั้งแต่เวลาสายๆ ของวันที่ 14 ตุลาคม เป็นต้นไป

รุ่งเช้าผมแต่งกายด้วยเสื้อผ้าไว้ทุกข์แล้วเดินทางออกจากบ้านในราวแปดโมง

ตลอดหนทางไม่เห็นใครใส่เสื้อผ้าสีอื่นนอกจากสีดำและสีขาว

ใบหน้าของทุกคนดูเรียบและหม่นหมอง ไม่เหมือนกันกับเช้าวันอื่นๆ ที่ผมคุ้นเคย

จากบ้านที่อยู่ถนนรัชดาภิเษกในย่านลาดพร้าว

รถของผมลัดเลาะใช้เส้นทางถนนวิภาวดีเพื่อขึ้นทางด่วนที่ด่านดินแดงมีปลายทางที่ด่านยมราช

ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถนั้นเองผมทราบข่าวจากรายการวิทยุซึ่งยกเลิกรายการปกติทั้งหมดและเหลือแต่เพียงการรายงานเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สวรรคต ว่าทางราชการประกาศให้วันนี้เป็นวันหยุดราชการแล้ว

แต่สำหรับผมซึ่งเป็นคนนอกราชการแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงกังวลใดๆ

This picture received by the Thai Royal Bureau and taken on October 14, 2016 shows the hearse carrying the body of the late Thai King Bhumibol Adulyadej entering the grounds of the Grand Palace after being taken from Siriraj Hospital in Bangkok after his death on October 13, 2016. Bhumibol, the world's longest-reigning monarch, passed away at 88, after years of ill health, ending seven decades as a stabilising figure in a nation of deep political divisions. / AFP PHOTO / Thai Royal Bureau / STR / RESTRICTED TO EDITORIAL USE - MANDATORY CREDIT "AFP PHOTO / HO / ROYAL BUREAU - NO MARKETING NO ADVERTISING CAMPAIGNS - DISTRIBUTED AS A SERVICE TO CLIENTS
AFP PHOTO / Thai Royal Bureau / STR

จากทางลงด่วนยมราชผมใช้เส้นทางถนนพิษณุโลกและถนนสามเสน สถานที่ราชการทุกแห่งตลอดสองข้างทางลดธงครึ่งเสา

ผมไปถึงวัดชนะสงครามในเวลาราวเก้าโมง ได้เข้าไปอาศัยพักรอหมู่คณะที่กุฏิของพระมหาปกรณ์ซึ่งผมได้โทรศัพท์ติดต่อไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

ตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นไป ทั้งเพื่อนและทั้งลูกศิษย์ก็ทยอยกันมาสมทบจนคณะของเรามีจำนวนได้ประมาณสิบคน

พระมหาปกรณ์ได้เมตตาจัดเทียนและธูปไม้ระกำให้เราคนละหนึ่งชุด เผื่อว่ามีโอกาสจะได้จุดถวายสักการะพระบรมศพตามแบบธรรมเนียมอย่างเก่า

การจราจรวันนั้นยิ่งสายทั้งรถทั้งผู้คนก็ยิ่งมากขึ้นโดยลำดับ

ทุกคนมุ่งหน้ามาบริเวณท้องสนามหลวงเพื่อจะได้มีโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต ที่จะได้ถวายบังคมพระบรมศพของพระเจ้าแผ่นดินที่เป็นยอดแห่งความรักเชิดชูบูชาของชาวเรา

ไม่ต้องพูดถึงที่ศิริราช หรือละแวกสะพานอรุณอมรินทร์ ที่ผู้คนแรมคืนเต็มพื้นที่กันมาตั้งแต่เมื่อวานค่ำแล้ว

The procession of vehicles moves through the city as massive crowds line the streets during the procession of Thai King Bhumibol Adulyadej's body to his palace in Bangkok on October 14, 2016. Bhumibol, the world's longest-reigning monarch, passed away aged 88 on October 13, 2016 after years of ill health, removing a stabilising father figure from a country where political tensions remain two years after a military coup. / AFP PHOTO / MANAN VATSYAYANA
AFP PHOTO / MANAN VATSYAYANA

กว่าจะรวมคนได้พรักพร้อมก็ใกล้เที่ยงแล้ว เพื่อนบางคนต้องจอดรถไว้กลางทางแล้วนั่งรถจักรยานยนต์เข้ามาพบกันเพราะถนนทุกสาย เรื่อยไปจนถึงทางด่วน การจราจรติดขัดไปหมด บางคนเห็นการจราจรติดขัดมากก็ทิ้งรถแล้วเดินเท้าเข้ามาหากันที่จุดนัดหมาย

ผมหาอาหารง่ายๆ รับประทานที่บริเวณร้านค้าหน้าวัดชนะสงคราม เข้าห้องน้ำเสียให้เรียบร้อยเพราะนึกคาดการณ์ว่าถ้าไปนั่งอยู่ริมถนนแล้วเห็นจะขยับขยายไปไหนยากเต็มที

จากหน้าวัดเราเดินไปตามถนนจักรพงษ์ เลี้ยวโค้งนิดเดียวก็เข้าสู่ถนนเจ้าฟ้า

เวลานั้นเกือบบ่ายโมงแล้ว ผู้คนมืดฟ้ามัวดินกำลังทยอยกันมาจับจองพื้นที่ พื้นที่ที่เป็นเกาะกลางถนนพอมีต้นไม้ให้ร่มเงาได้บ้างก็เต็มจนแน่นขนัดแล้ว

ระหว่างที่ผมกำลังงุนงงว่าจะนั่งลงตรงไหนได้บ้างนั้นเอง ผู้สื่อข่าวและทีมกล้องจากสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง (ดูเหมือนจะเป็นเนชั่นทีวี) หันมาเห็นหน้าผมเข้าก็ขอสัมภาษณ์ผมว่ามีความรู้สึกอย่างไรในขณะนี้

ผมจำไม่ได้จริงๆ ว่าผมตอบไปว่าอะไร รู้แต่ว่าพูดไปพลางร้องไห้ไปพลาง เมื่อให้สัมภาษณ์จบแล้ว ผมเดินย้อนขึ้นไปทางด้านสะพานพระปิ่นเกล้ายังไม่ถึงหน้าหอศิลป์เจ้าฟ้า เห็นยังมีพื้นที่บนพื้นถนนยังพอว่างอยู่ หยั่งเชิงลงนั่งดูก็ไม่เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ตรงนั้นห้ามปรามว่าอะไร

นึกในใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจคงนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะหาที่ให้คนจำนวนนับหมื่นนับแสนได้เฝ้าฯ ถวายบังคมพระบรมศพที่ตรงไหนได้บ้าง

นั่งลงไปได้ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่มาขอร้องให้ขยับถอยหลังจากแนวที่นั่งอยู่ไปสักนิดแล้วนำกรวยยางมาวางรักษาแนวเอาไว้ ผมและทุกคนก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามโดยไม่อิดเอื้อน

A general view shows thousands of people walking on the road after the procession of Thai King Bhumibol Adulyadej's body left the Siriraj Hospital for his palace in Bangkok on October 14, 2016. Bhumibol, the world's longest-reigning monarch, passed away aged 88 on October 13, 2016 after years of ill health, removing a stabilising father figure from a country where political tensions remain two years after a military coup. / AFP PHOTO / MANAN VATSYAYANA
AFP PHOTO / MANAN VATSYAYANA

หลังจากผมและคณะนั่งลงตรงนั้นแล้วผู้คนที่ตามมาข้างหลังอีกจำนวนมาก ก็เดินไปทางด้านสะพานพระปิ่นเกล้าและนั่งต่อแถวยืดยาวไปจนถึงเชิงสะพาน ด้านหลังของเราก็มีคนนั่งซ้อนอีกไม่รู้กี่แถวต่อกี่แถวไปจนเต็มพื้นที่ถนน เลยไปจนถึงบาทวิถีข้างหลัง จนในที่สุดก็เต็มแน่นไปทั้งบริเวณ มองไปฝั่งตรงข้ามทางด้านอนุสาวรีย์ทหารอาสาและโรงละครแห่งชาติ จำนวนผู้คนก็มากมายไม่แพ้กันกับฝั่งของเรา

แต่ฝั่งทางนั้นอาจจะโชคดีกว่าฝั่งผมสักหน่อยเพราะผู้ที่นั่งอยู่แนวเดียวกับผมเป็นด้านที่รับแสงอาทิตย์เต็มใบหน้าตลอดบ่าย

ส่วนฝั่งตรงกันข้าม ทุกคนหันหลังให้แสงอาทิตย์ แต่เอาเถิด ไม่เป็นไรหรอก ต่อให้ทุกข์ยากแค่ไหน

ขอให้เพียงได้กราบถวายบังคมพระบรมศพ ใจของทุกคนก็ยอมได้ทั้งนั้น

ที่นั่งของผมอยู่บนพื้นถนน ตอนแรกนั่งทีเดียวก็รู้สึกร้อนผ่าว แต่เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่งทุกอย่างก็ค่อยคุ้นเคยขึ้น

บางคนในคณะของเรามีพัดมีร่มก็นำขึ้นมาใช้ประโยชน์

ทางซ้ายมือของผมมีหญิงสาวอายุประมาณยี่สิบเศษ สังเกตเห็นว่าเธอมาคนเดียว ระหว่างเวลารอคอยที่ยาวนานก็สอบถามพูดคุยกันได้ความว่า เธอมาจากจังหวัดราชบุรี ออกเดินทางมาตอนสายๆ เพราะต้องดูแลจัดยาให้คุณยายของเธอซึ่งสุขภาพไม่ดีนักรับประทานเสียก่อน

เธอขึ้นรถประจำทางแล้วต่อรถอีกหลายต่อกว่าจะมานั่งต่อแถวเดียวกันกับเราได้

คนรอบข้างของเราต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยช่วยกันดูแลซึ่งกันและกัน

ใครมีน้ำ ใครมีลูกอมก็นำมาเผื่อแผ่เจือจาน

ในท่ามกลางคนนับหมื่นนับแสนที่นั่งอยู่ด้วยกันริมถนนวันนั้น เราเป็นเสมือนครอบครัวใหญ่ที่กำลังพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญร่วมกัน

สิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับผมอยู่มิใช่น้อยคือผู้คนที่อยู่รายรอบผมตลอดบ่ายวันนั้น ไม่ได้มีแต่เพียงคนวัยผมหรือใกล้เคียงกับผมเท่านั้น หากแต่มีทุกวัย ทุกฐานะก็ว่าได้

บางคนก็มาเดี่ยว

บ้างก็มากับครอบครัว

บ้างก็มากับเพื่อนฝูงหรือคนรู้จักคุ้นเคย

ผมเห็นนักเรียน นิสิต นักศึกษาหลายสถาบันแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบเดินมาเป็นกลุ่มๆ ผู้ใหญ่บางคนพาลูกหรือหลานมาด้วย

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้เห็นบรรยากาศอย่างนี้ในเมืองไทย

มองไปข้างไหนก็เห็นแต่คนใส่เสื้อผ้าสีดำ ใบหน้าอมโศกอย่างเห็นได้ชัด

125176

เราทุกคนนั่งตากแดดและอยู่กับอากาศร้อนตลอดบ่ายวันนั้นด้วยความตั้งใจมุ่งมั่นเพื่อได้ก้มกราบกับพื้นสักครั้งหนึ่งเพื่อถวายสักการะแด่พระเจ้าแผ่นดิน ที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวตั้งแต่ผมแรกเกิดมาและจำความได้จนถึงวันนี้

ตลอดเวลาที่เรานั่งอยู่มีเจ้าหน้าที่คอยเดินให้บริการแจกสำลีชุบแอมโมเนียสำหรับคนที่มีท่าทีใกล้จะเป็นลม

บางคนทนความอบอ้าวและแสงแดดไม่ไหวก็เป็นลมพับลงไป ผู้คนที่อยู่ข้างๆ ก็ช่วยกันดูแลปฐมพยาบาลบ้าง ร้องขอให้เจ้าหน้าที่มาดูแลบ้าง สุดแต่อาการหนักเบา

หลายคนรวมทั้งผมด้วยนั่งพับเพียบก็แล้ว นั่งขัดสมาธิก็แล้ว เมื่ออยากจะผ่อนคลายอิริยาบถบ้างก็ลุกขึ้นยืน

มีน้องที่ไปด้วยกันคนหนึ่งพอลุกขึ้นยืนดังว่าก็โงนเงนเลยทีเดียว ต้องประคองให้นั่งลงแล้วช่วยกันพัดวี ครู่หนึ่งก็กลับฟื้นคืนแรงมาเป็นปกติ

People line up to pay their respects to the late Thai King Bhumibol Adulyadej at the Grand Palace in Bangkok on October 14, 2016. Bhumibol, the world's longest-reigning monarch, passed away aged 88 on October 13, 2016 after years of ill health, removing a stabilising father figure from a country where political tensions remain two years after a military coup. / AFP PHOTO / MUNIR UZ ZAMAN
AFP PHOTO / MUNIR UZ ZAMAN

นอกจากประชาชนจำนวนล้นหลามแล้ว ตลอดเส้นทางที่ขบวนรถอัญเชิญพระบรมศพจะเคลื่อนผ่านมีทั้งแถวทหารและตำรวจเรียงรายถวายพระเกียรติยศและดูแลความปลอดภัย

ก่อนถึงเวลาที่ขบวนจะเริ่มเคลื่อนจากโรงพยาบาลศิริราช เจ้าหน้าที่เหล่านั้นได้ฝึกซ้อมการปฏิบัติด้วยท่าคุกเข่าและกระทำวันทยหัตถ์ ซึ่งเป็นท่าที่แปลกตาแต่ดูงดงามเหมาะสมกับโอกาสเป็นอย่างยิ่ง

ผมและทุกคนนั่งอยู่อย่างนั้นโดยไม่ถอยหนีไปข้างไหน ตั้งแต่ก่อนบ่ายโมงจนเวลาก้าวเดินไปเรื่อยๆ สองสามชั่วโมงแล้วทุกคนก็ยังอยู่ในที่เดิมด้วยความอดทนและสงบนิ่ง

ในราวบ่ายสี่โมงมีพระราชาคณะชั้นเจ้าคุณรูปหนึ่งถือพัดยศซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าวินมอเตอร์ไซค์ วิ่งลงมาจากสะพานพระปิ่นเกล้า มุ่งหน้าไปทางพระบรมมหาราชวัง เข้าใจว่าท่านรีบเดินทางไปให้ทันงานพระราชพิธี

เป็นภาพที่แปลกตาและสังเกตเห็นได้ชัดเจน

จนใกล้จะถึงบ่ายห้าโมง ด้วยสัญญาณการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์จากโรงพยาบาลศิริราชและมีคนส่งข่าวต่อกันมาเป็นทอดๆ ก็ทำให้เรารู้ว่าวินาทีที่เรารอคอยมาตลอดบ่ายกำลังจะมาถึง

ทุกคนปรับอิริยาบถให้อยู่ในท่าที่เหมาะสม ผู้ที่นั่งแถวหน้าเกือบทุกคนอยู่ในท่านั่งพับเพียบพร้อมที่จะประนมมือและก้มลงกราบกับพื้นถนน

ส่วนผู้ที่อยู่แถวหลังถัดเข้ามาจากแถวหน้า เช่นผมซึ่งอยู่แถวที่สอง พื้นที่ไม่เอื้ออำนวยให้หมอบกราบลงไปได้ เราก็จัดท่านั่งของตัวเราเองให้อยู่ในท่าคุกเข่า

ธูปเทียนที่เตรียมมาจะจุดถวายสักการะดูเป็นการพ้นวิสัยที่จะปฏิบัติได้ เพราะไม่รู้ว่าจะจุดและปักวางลงที่ใดบนพื้นถนนที่มีสภาพเช่นนั้น

ผมจึงตกลงกับทุกคนที่ไปด้วยกันว่า เราจะทำได้แต่เพียงการถือธูปเทียนนั้นไว้ในมือ ประนมขึ้นเหนือหัวของเราเพื่อถวายสักการะตามที่เราตั้งใจปรารถนา

แล้วเก็บธูปเทียนนั้นไปจุดถวายที่บ้านในตอนค่ำ

Thai mourners dressed in black offer prayers outside the Grand Palace where the late King Bhumibol Adulyadej is lying in state in Bangkok on October 16, 2016. On his birthday Thais wore yellow, when he got sick they put on pink, and now that King Bhumibol Adulyadej has passed Bangkok's streets have turned monochrome in a extraordinary display of collective grief. The venerated monarch died at the age of 88 on October 13, plunging the nation into mourning and leaving a politically divided people bereft of a rare unifying figure. / AFP PHOTO / MANAN VATSYAYANA
AFP PHOTO / MANAN VATSYAYANA

ยิ่งใกล้เวลา ทุกอย่างก็สงบเงียบ ทั้งเงียบ ทั้งวังเวง คนเป็นแสนอยู่ด้วยกันโดยไม่มีเสียงเอะอะโวยวาย

อีกไม่กี่นาทีต่อมาผมมองขึ้นไปบนสะพานพระปิ่นเกล้าซึ่งอยู่ทางขวามือของผมก็แลเห็นรถตำรวจวิ่งนำขบวนอัญเชิญพระบรมศพมาแต่ไกล

ถัดจากรถยนต์แล้วก็เป็นรถจักรยานยนต์ พ้นจากส่วนอารักขาล่วงหน้าไปแล้ว รถคันแรกในขบวนคือรถโฟล์กตู้ซึ่งจัดเป็นรถประดิษฐานพระบรมศพ

ต่อจากนั้นไปจึงเป็นรถพระที่นั่งของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งมีธงเยาวราชใหญ่ติดอยู่ด้านซ้ายมือของรถ สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจน

แล้วต่อตามด้วยรถพระที่นั่งของเจ้านายอีกหลายพระองค์ และรถของข้าราชบริพารที่ตามเสด็จอีกหลายสิบคัน

ในวินาทีที่รถอัญเชิญพระบรมศพผ่านหน้าผมไปนั้น ผมยกมือที่ประคองธูปเทียนขึ้นกลางหน้าผาก ค้อมตัวลงถวายบังคมให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้

น้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ โดยไม่มีเสียงสะอึกสะอื้น

หัวใจอยากจะปฏิเสธว่าภาพที่เห็นอยู่ข้างหน้าไม่ใช่ความจริง เป็นเพียงความฝันร้ายอย่างที่สุดเท่าที่คนไทยคนหนึ่งจะนึกฝันได้

แต่สมองก็บอกว่า ทั้งหมดนี้คือความจริง

วันคืนอันแสนสุขบนแผ่นดินของในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้เดินทางมาจนถึงวันสุดท้ายแล้ว

000_h68rc

รถในขบวนคันแล้วคันเล่าวิ่งผ่านหน้าของเราไป สมองที่ยังชาอยู่ พร้อมกับดวงตาที่ชุ่มด้วยน้ำตาทำให้ผมจดจำรายละเอียดส่วนนี้ไม่ได้มากนัก

รู้แต่ว่าตัวเองนั่งอยู่ตรงนั้นอีกครู่ใหญ่ จนรถทุกคันวิ่งผ่านหน้าไปหมดแล้ว คนที่อยู่รอบข้างก็เริ่มส่งสัญญาณว่าเราเห็นจะเดินกลับไปที่วัดได้แล้ว ผมค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเพิ่งรู้สึกตัวเองว่า เหนื่อยและเพลียเหลือเกิน

น้องที่ไปด้วยกันส่งมือให้จับเพื่อประคอง ถ้าเป็นเวลาปกติคงไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรอย่างนี้เป็นแน่

แต่ในวันนั้นยอมให้เขาประคองแต่โดยดี บอกตัวเองว่าเราอายุหกสิบกว่าปีแล้ว ถ้าไม่สบายหรือเป็นอะไรไปตรงนี้จะลำบากคนอื่นเขายิ่งกว่านี้อีกมาก

ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างลุกขึ้นเดินเพื่อหาทางออกจากพื้นที่ แต่ก็ต้องใช้เวลามากพอสมควร เพราะคนมีมากเหลือเกิน

กว่าผมจะค่อยๆ ลัดเลาะกลับมาที่วัดชนะสงครามได้ก็เลยเวลาหกโมงเย็นไปแล้ว

กลับมาได้ดื่มน้ำดื่มท่าที่ลูกศิษย์ของพระมหาปกรณ์เอื้อเฟื้อจัดหาให้จึงค่อยมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาบ้าง เฝ้าติดตามดูการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ก็ยังไม่เห็นว่ามีพระราชพิธีอะไร จึงเข้าใจเอาเองว่า ระหว่างนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่กำลังถวายสรงพระบรมศพที่พระที่นั่งพิมานรัตยา

เมื่อเสร็จพระราชพิธีช่วงนี้และมาถึงงานบำเพ็ญพระราชกุศลที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทแล้ว โทรทัศน์คงจะได้ถ่ายทอดให้เราได้เห็นงานพระราชพิธีส่วนนี้ต่อไป

และแล้วทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่เราเข้าใจโดยโทรทัศน์ได้กลับมาถ่ายทอดงานพระราชพิธีอีกครั้งหนึ่งในเวลาประมาณหนึ่งทุ่มเศษ ทุกคนที่อยู่ด้วยกันมีความเห็นร่วมกันว่าถ้ารีบเดินทางกลับบ้านโดยเร็ว ก็จะต้องไปติดการจราจรอยู่กลางทาง เพราะมีคนประมาณตัวเลขว่าบ่ายวันนั้นมีผู้คนอยู่สองข้างทางที่ขบวนรถเคลื่อนผ่านในราวห้าแสนคน

ลูกศิษย์ของผมบางคนส่งข่าวว่าต้องเดินกลับจากสนามหลวงไปถึงสยามสแควร์

ฉะนั้น นั่งดูโทรทัศน์ถ่ายทอดสดอยู่ด้วยกันจะเป็นการดีกว่า จนงานพระราชพิธีจบแล้วจึงค่อยกลับบ้าน เห็นจะได้รับความสะดวกพอสมควร

AFP photo
AFP PHOTO

คํ่าวันนั้น ผมออกจากวัดชนะสงครามในราวสามทุ่มเศษ ไม่ได้รับประทานอาหารมื้อค่ำ แต่ไม่ได้รู้สึกหิวโหยอะไร ถ้าใครหยิบยื่นอะไรมาให้ ทำท่าจะกินไม่ลงเสียด้วยซ้ำ ไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองจะมีอารมณ์ที่บันเทิงเริงรมย์อะไรได้

ระหว่างทางที่นั่งรถกลับบ้าน ใจก็แห้งผาก พร้อมกับความรู้สึกว่าการผลัดแผ่นดินคราวนี้มีความหมายมากสำหรับคนไทยทุกคน

ในวันคืนที่เสด็จขึ้นทรงราชย์ เมืองไทยเพิ่งพ้นผ่านสงครามโลกครั้งที่สองมาหยกๆ จากนั้นต่อมาอีกเจ็ดสิบปีเศษในรัชกาล แผ่นดินไทยได้ก้าวเดินมาจากวันเริ่มต้นแห่งรัชสมัยทีละน้อย ทีละน้อย อย่างมั่นคง ทรงครองแผ่นดินโดยธรรมโดยแท้ทุกประการ

เวลาเจ็ดสิบปีในรัชกาลที่เก้านี้ ผมมีโชควิเศษสุดที่ได้เกิดและเติบโตมาบนแผ่นดินของท่านนานถึงหกสิบเอ็ดปี จากเด็กตัวเล็กๆ อายุห้าขวบ ที่รอรับเสด็จกลับจากยุโรปอยู่ริมถนนพหลโยธินเมื่อพุทธศักราช 2504 มาเป็นข้าราชการบำนาญที่เฝ้าฯ ถวายบังคมพระบรมศพบนถนนเจ้าฟ้า

ในวันนี้ ผมหมดคำพูดที่จะบอกได้ครบถ้วนว่า ในสมองของผมมีความทรงจำอะไรบ้างเกี่ยวกับ “ในหลวง” พระองค์นี้

มั่นใจอยู่แต่เพียงว่า จะทรงอยู่ “ในดวงใจ” ของผมเป็นนิรันดร์

A woman dressed in black holds an image of Thai King Bhumibol Adulyadej in front of the Grand Palace as mourners continue to gather there to pay respects to the late monarch in Bangkok on October 30, 2016. Thousands of Thais streamed into the gates of Bangkok's Grand Palace on October 29 as the public was granted its first chance to enter the throne hall where the body of late King Bhumibol Adulyadej is lying in state. / AFP PHOTO / LILLIAN SUWANRUMPHA
AFP PHOTO / LILLIAN SUWANRUMPHA
000_h68w6
AFP PHOTO