เผยแพร่ |
---|
หากจัดอันดับเหตุการณ์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ปี 2549 ที่อยู่ในความทรงจำคนไทย แน่นอนว่าต้องมอบให้กับเหตุการณ์งานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลที่ 9
ข่าวการจัดงานพระราชพิธี รัฐพิธี และกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติต่างๆ ที่เผยแพร่ออกไปผ่านสำนักข่าวต่างประเทศ ได้สร้างปรากฏการณ์ความตื่นตะลึงให้กับสายตาชาวโลก นอกจากนี้ พระราชพิธีครั้งนี้นับเป็นการชุมนุมของพระประมุขจากประเทศต่าง ๆ มากที่สุดในโลกอีกด้วย
โดยประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจำนวน 25 ประเทศจากทั้งสิ้น 29 ประเทศทั่วโลกตอบรับคำเชิญของรัฐบาลไทย พระประมุขจาก 13 ประเทศ เสด็จพระราชดำเนินมาด้วยพระองค์เอง 12 ประเทศทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งผู้แทนพระองค์ให้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทน อันประกอบด้วย
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ แห่งญี่ปุ่น, เจ้าชายจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก มกุฎราชกุมาร พระราชโอรสในสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี ซิงเย วังชุก แห่งภูฏาน, พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี แห่งกัมพูชา
สมเด็จพระราชาธิบดีตวนกู ไซอิด ซิรัจอุดดิน อิบนี อัลมาร์ฮูม ตวนกู ไซอิด ปุตรา จามาลุลไลล์ ยังดีเปอร์ตวน อากง และสมเด็จพระราชินีตวนกู เฟาชิอะห์ บินดี อัลมาร์ฮูม เติงกู อับดุล รอชีด รายาประไหมสุหรี อากง แห่งมาเลเซีย
สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์ และสมเด็จพระราชินีราชา อิสตรี เป็งงีรัน อานัก ฮัจญะห์ ซาเลฮาแห่งบรูไน
เชคฮามัด บิน คอลิฟะห์ อัลซานี แห่งกาตาร์ พร้อมด้วยเชคเคาะห์เมาซา บินด์ เนเซอร์ อัลมิสนัด พระชายาองค์ที่สอง, ชีคซอบะห์ อัลอะห์มัด อัลจาบีร์ อัลซอบะห์ แห่งคูเวต, สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 บิน อัลฮุสเซน แห่งจอร์แดน
เชคคอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัลคอลิฟะห์ แห่งบาห์เรน, เจ้าหญิงลัลลา ซัลมา เบนนานี พระชายาในสมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมเหม็ดที่ 6 แห่งโมร็อกโก, เชคโมฮัมเมด บิน ไซอิด อัลนะห์ยัน มกุฎราชกุมารแห่งอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
เจ้าชายซัยยิด ซีฮาบ บิน ตาริก ตัยมูร อัล-ซาอิด สุลต่านแห่งโอมาน, สมเด็จพระราชาธิบดีเลตซีที่ 3 และพระราชินีมาเซเนต โมฮาโต เซเอโซ แห่งเลโซโท, สมเด็จพระราชาธิบดีสวาดิที่ 3 แห่งสวาซิแลนด์ เสด็จมาพร้อมเจ้าหญิงลาดูเบ พระชายาองค์ที่ 12, เจ้าชายทูโพทัว มกุฎราชกุมาร แห่งตองกา
เจ้าชายเฮนริก พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก, เจ้าชายโฮกุ้น มกุฎราชกุมาร แห่งนอร์เวย์, เจ้าชายวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ มกุฎราชกุมาร แห่งเนเธอร์แลนด์, เจ้าชายฟิลิป มกุฎราชกุมาร และเจ้าหญิงมาธิลด์ มกุฎราชกุมารี แห่งเบลเยียม
เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 แห่งโมนาโก, สมเด็จพระราชินีโซเฟีย ในสมเด็จพระราชาธิบดีฮวน คาร์ลอสที่ 1 แห่งสเปน, สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ และสมเด็จพระราชินีซิลเวีย แห่งสวีเดน
เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก พระราชโอรสองค์ที่สองของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธ แห่งสหราชอาณาจักร บริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ, แกรนด์ ดยุก อองรี แห่งลักเซมเบิร์ก และเจ้าชายอาโลอิส มกุฎราชกุมาร แห่งลิกเตนสไตน์
พระประมุขและผู้แทนพระองค์ 25 ชาติ เสด็จฯ ทอดพระเนตรกระบวนเรือพระราชพิธี ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของงานเฉลิมพระเกียรติ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ก่อนพิธีพระราชทานงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ ณ พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน
ในงานเลี้ยง สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน ทรงมีพระราชดำรัสในนามพระประมุขและผู้แทนพระองค์ทั้ง 25 ชาติ ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตอนหนึ่ง
“ฝ่าพระบาททรงเป็นมิตรที่รักและพึงเคารพอย่างที่สุดของพวกเรา ฝ่าพระบาททรงเป็นพลังบันดาลใจให้กับพวกเราเหล่าพระประมุขด้วยกัน และสิ่งนี้คือเหตุสำคัญล้ำลึกของความพร้อมเพรียงกันมาถวายพระเกียรติในครั้งนี้”
นอกจากพระประมุขและผู้แทนพระองค์ 25 ชาติ ที่เสด็จมาด้วยพระองค์เองแล้ว ยังมีพระราชสาส์นถวายพระพรจากสมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักร สมเด็จพระราชาธิบดีเนปาล สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย และจากองค์สมเด็จพระสันตะปาปา
สาส์นถวายพระพรจากผู้นำประเทศต่างๆ ได้แก่ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา รัสเซีย เกาหลีใต้ จีน ปากีสถาน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เม็กซิโก บราซิล บัลแกเลีย โปแลนด์ พม่า ลาว คาซักสถาน
สื่อทั่วโลกเกาะติดข่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
นิตยสารไทม์ เขียนบทความ “The Mystique of Monarchy” หรือ “อำนาจอันเร้นลับแห่งราชาธิปไตย” ฉบับวันที่ 19 มิถุนายน เนื้อหาว่า พระมหากษัตริย์ไทยทรงพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังของราชวงศ์ยังมีความเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตประชาชน
ไทม์กล่าวถึงพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหลายด้าน ทรงเป็นนักดนตรี ศิลปิน นักประดิษฐ์ ทรงตรากตรำทำงานหนัก เสด็จไปทั่วราชอาณาจักร จัดทำโครงการพระราชดำริมากมายเพื่อช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ ขณะที่สมาชิกราชวงศ์ปฏิบัติพระองค์เฉกเช่นสามัญชน เพื่อให้เป็นที่รักของประชาชน
ร็อบ โคเฮน ผู้สื่อข่าววิทยุเสียงอเมริกา (วีโอเอ) เขียนรายงานไว้ในเว็บไซต์ของวีโอเอ ระบุถึงเมื่อครั้ง นายโคฟี่ อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ และกล่าวถวายคำสดุดีว่า
พระองค์ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปยังบรรดาผู้ที่ยากจนที่สุด และเปราะบางที่สุดในสังคมไทย ทรงรับฟังปัญหาของพวกเขาเหล่านั้น และให้ความช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้น ให้สามารถยืนหยัดดำรงชีวิตของตนเองต่อไปได้ด้วยกำลังของตัวเอง โครงการเพื่อการพัฒนาชนบทต่างๆ ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังประโยชน์ให้กับประชาชนนับเป็นล้านๆ ทั่วทั้งสังคมไทย
นั่นไม่เพียงทำให้พระองค์ทรงดำรงสถานะเป็น “กษัตริย์นักพัฒนา” ในสายตาของบุคคลภายนอกประเทศเท่านั้น หากแต่ยังส่งผลให้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงสถิตอยู่ในดวงใจของคนไทยทั้งปวงไปตลอดกาลนาน
หมายเหตุ : ภาพโดยนายวิทยา รัตนพรสุข ช่างภาพงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่สำนักพระราชวัง สนับสนุนโดยบริษัท นิคส์ (ไทยแลนด์) จำกัด