ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 มิถุนายน 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
ถ้าใครเคยดูหนังของอารี แอสเตอร์ ผู้กำกับหนังที่เป็นผู้ประพันธ์เรื่องเอง…อย่างที่เรียกด้วยคำภาษาฝรั่งเศสว่า Auteur ซึ่งแปลตรงตัวว่า นักเขียน หรือ ผู้ประพันธ์…มาแล้ว จะพอรู้ได้ถึงแนวผลงานของเขา
Hereditary (โทนี คอแล็ตต์, เกเบรียล เบิร์น) และ Midsommar (ฟลอเรนซ์ พิว)
…ซึ่งเป็นประสบการณ์ในการดูภาพยนตร์ที่มีเอกลักษณ์และโดดเด่นแตกต่างไปอย่างยิ่ง
อารี แอสเตอร์จึง “ไม่ธรรมดา” เลย ผู้กำกับฯ ใหญ่อย่างมาร์ติน สกอร์เซซี ก็ชื่นชมยกย่องในมันสมองและวิสัยทัศน์ของเขาอย่างยิ่ง
โดยรวมแล้ว หนังของแอสเตอร์เป็นหนังสยองขวัญและตลกร้าย ซึ่งอาจจะร้ายมากกว่าตลกซะละมั้ง จึงทำให้ผู้เขียนไม่ได้ยินเสียงหัวเราะสักแอะในรอบพิเศษที่ไปชม อย่างที่เชื่อว่าจะได้ยินเสียงฮาลั่นเป็นพักๆ ถ้าอยู่ในหมู่คนดูอเมริกัน (ไม่มีประสบการณ์กับคนดูชาติอื่นค่ะ)…แต่นี่ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหึหึเลยด้วยซ้ำ
…อาจเป็นเพราะนึกขันอยู่ในลำคอ หรือไม่นึกว่าตลกเลยก็ได้
หนังความยาวเฉียดสามชั่วโมงหย่อนไปแค่นาทีเดียว จึงนั่งดูกันเมื่อยก้นเมื่อยหลังไปเลย เนื่องจากสมัยนี้หนังทั่วไปขนาดความยาวหดสั้นลง ไม่เหมือนช่วงที่ผู้เขียนโตขึ้น ซึ่งหนังใหญ่ๆ เรื่องราวแบบมหากาพย์ (epic) จะต้องมีช่วงพักครึ่ง เพื่อให้คนดูขยับตัวไปเข้าห้องน้ำและโรงหนังจะได้ขายเครื่องดื่มและของขบเคี้ยวได้อีกต่างหาก
Gone With the Wind, Ben Hurr, Doctor Zhivago, Lawrence of Arabia, My Fair Lady…ล้วนมีพักคั่นเวลาทั้งนั้น
แต่ด้วยความยาวแบบหนังมหากาพย์ทั้งหลาย Beau Is Afraid ไม่ยอมให้คนดูขยับตัวลุกไปไหนเลย และสำหรับแฟนพันธุ์แท้ส่วนมากก็เพลินอยู่ในวังวนของจินตนาการอันบรรเจิดเหลือเชื่อที่อารี แอสเตอร์ สรรค์สร้างออกมาเสียด้วย
Beau Is Afraid เป็นหนังที่แปลกประหลาดพิสดารด้วยองค์ประกอบเหนือจริง หรือ “เซอร์เรียล” นะคะ
และความเป็นเซอร์เรียลก็เพราะเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในหัวของชายชื่อ โบ วาสเซอร์แมนน์ (ฮัวคิน ฟีนิกซ์) ผู้ขี้กลัว กลัวและหวาดระแวงไปเสียหมดกับทุกสิ่งรอบกาย
ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตดูเหมือนจะคุกคามและเป็นพิษเป็นภัยต่อเขาทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นท้องถนนที่เต็มไปด้วยบุคคลอันตราย ผู้คนที่สิ้นหวังจนกระโดดตึกตาย ศพที่นอนเน่าเปื่อยอยู่กลางถนน คนที่คุกคามจะเอาชีวิตเขา
โบต้องวิ่งหนี หลบหลีกภยันตราย เพื่อกลับเข้าห้องพักโทรมๆ ในย่านเสื่อมโทรมบนตึกที่มีป้ายชื่อว่า Erectus Ejectus (แปลได้ประมาณว่า การแข็งตัวและการหลั่ง)
ซึ่งเป็นรายละเอียดปลีกย่อยใน “ตลกร้าย” ของผู้กำกับฯ เขาล่ะค่ะ
หนังเริ่มด้วยเสียงรอบกายที่โบได้ยินเมื่อแรกเกิดหลังจากออกจากท้องแม่และลืมตาดูโลก แม่เกรี้ยวกราดกับหมอและพยาบาลที่อยู่ในห้องคลอด สำทับเรื่องโน้นเรื่องนี้ที่จะเป็นอันตรายแก่ทารก
พูดง่ายๆ คือ โบมีแม่ที่ชอบบงการ ชอบควบคุมและสั่งการทุกสิ่งรอบตัวให้เป็นไปตามใจตัวเอง
โมนา วาสเซอร์แมนน์ (แพตตี ลูโพเน) เป็นอิทธิพลที่ครอบงำชีวิตทั้งชีวิตของโบตั้งแต่แรกเกิดมาจนล่วงเข้าสู่ชายวัยกลางคนที่เล่นอย่างยอดเยี่ยมโดยฮัวคิน ฟีนิกซ์ นี้
ในวันครบรอบวันตายของพ่อ (ซึ่งโบไม่เคยรู้จักหน้าค่าตา เพราะตามที่แม่บอก คือพ่อขาดใจตายหลังจากหลั่งสเปิร์มออกจากตัว…ตลกร้ายอีกแล้ว) โบกำลังจะบินกลับบ้านไปเยี่ยมแม่ แต่เขาก็เจอเข้ากับเรื่องขัดข้องต่างๆ นานา (รายละเอียดเป็นเรื่องจี้เส้นแบบชวนส่ายหน้าทั้งนั้น)
และเมื่อโทร.คุยเล่าให้แม่ฟังว่าเขาพลาดเที่ยวบิน เพราะเกิดเหตุให้ไปไม่ทัน แม่ก็ส่งเสียงชาเย็นกลับมาว่า “คิดเอาเองก็แล้วกันว่าจะตัดสินใจยังไง โตแล้วนี่” ก็ดูเหมือนจะไม่ได้บงการหรอก แต่ว่าน้ำเสียงนั้นไม่ได้ให้ทางเลือกอื่นแก่โบเลย
เพราะถ้าตัดสินใจเป็นอื่น โบก็จะต้องรู้สึกผิดอย่างมาก
มีคนเรียกหนังว่าเป็นเหมือน “มหากาพย์โอดิสซีในแบบฉบับของคาฟกา” ซึ่งเป็นเรื่องราวของโอดิสซิอุส วีรบุรุษกรีกที่เดินทางข้ามทะเลไปร่วมรบในศึกชิงนางที่เมืองทรอย และผู้พิชิตศึกด้วยกลศึกทิ้งม้าไม้ที่เป็นที่รู้จักกันต่อมาว่า “ม้าเมืองทรอย” หรือ Trojan Horse ซึ่งบรรทุกทหารกรีกเข้าไปในเมืองทรอย และเปิดประตูให้ข้าศึกเข้าเมืองจนทรอยถูกทำลายราบคาบลง
มหากาพย์โอดิสซี เล่าเรื่องราวของวีรบุรุษคนสำคัญคนนี้ภายหลังสงครามเมืองทรอย เมื่อโอดิสซิอุสเดินทางรอนแรมกลางทะเลถึงสิบปีอันยาวนานกลับบ้าน ต้องฝ่าฟันภยันตรายร้ายกาจชวนสยองขวัญต่างๆ นานา ทั้งการถูกจับไปกินโดยยักษ์ตาเดียว การเสี่ยงกับการไปติดกับหลงใหลกับเสียงเพรียกของนางไซเรน (ที่มาของคำว่า “ไซเรน” หรือ “หวอ” หรือ “หว่อวี้” ของรถพยาบาลหรือรถตำรวจค่ะ) ฯลฯ กว่าจะไปถึงบ้านเกิดเมืองนอนที่อิธาคาในกรีซ
การนำเสนอของหนังเป็นในลักษณะที่เรียกด้วยคุณศัพท์ว่า “แบบคาฟกา” นั่นคือ การนำเสนอแบบบิดเบี้ยวและเหนือจริง โดยให้ความรู้สึกในอันตรายที่คุกคามอยู่รอบข้าง
ด้วยเหตุนี้หนังจึงดูพิสดาร ชวนฉงนสนเท่ห์ เหมือนภาพหลอนในจินตนาการ หรือความเพ้อคลั่ง จนอาจ “ดูไม่รู้เรื่อง” สำหรับคนที่ต้องการความสมเหตุสมผลและเรื่องราวที่วางอยู่บนฐานความเป็นจริงทุกอย่าง
กระนั้นก็ตาม หนังก็ดารดาษไปด้วยข้อปลีกย่อยและรายละเอียดที่เก็บเล็กผสมน้อยเอามาสร้างเรื่องด้วยสีสันชวนคิดและชวนตื่นตา
เป็นหนังที่ต้องดูหลายหน และแต่ละหนก็จะเก็บรายละเอียดที่ให้ความเข้าใจเพิ่มพูนขึ้น จากการได้ดูเพียงครั้งเดียวนี้ ซึ่งยังเก็บรายละเอียดไม่ได้หมดจดนัก ผู้เขียนมองเห็น “แก่นเรื่อง” หรือ theme ที่พันกันอยู่อย่างแทบแยกไม่ออกหลายหลากมากมายจาระไนได้ไม่หมด…ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ของคนใกล้ชิด ความรัก/ความเกลียดชัง ความหวาดวิตก ความกลัวที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งคุกคามในโลก ความรู้สึกผิด ความอับอาย สัญชาตญาณเพศ สุขภาพจิตจากการเลี้ยงดู
และแถมท้ายด้วยความรู้สึกเหมือนว่ามีใครคอยเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน หรือการสอดแนมเพื่อควบคุมบงการอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ไม่ใช่หนังสำหรับรสนิยมของคนทุกคนนะคะ ถ้าใครที่ดูหนังที่เล่าเรื่องตรงไปตรงมาเพื่อความเพลิดเพลินแบบไม่ต้องคิดมาก ก็ขอแนะนำให้ผ่านเลยไปค่ะ แต่ถ้าใครต้องการความท้าทายและจินตนาการเหนือจริงแบบที่เป็นภาพที่ตรึงตรายากจะลบเลือน ก็นี่แหละค่ะ
เป็นประสบการณ์หนังที่แปลกแหวกแนว ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนจริงๆ… •
ภาพยนตร์ | นพมาส แววหงส์
BEAU IS AFRAID
กำกับการแสดง
Ari Aster
แสดงนำ
Joaquin Phoenix
Patti LuPone
Amy Ryan
Nathan Lane
Parker Posey
Armen Nahapetian
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022