ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 กุมภาพันธ์ 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | คนมองหนัง |
ผู้เขียน | คนมองหนัง |
เผยแพร่ |
“จาฟาร์ ปานาฮี” เป็นหนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์ระดับโลกคนสำคัญของประเทศอิหร่าน พิสูจน์ชัดด้วยการที่เขาเคยได้รับรางวัลจากสามเทศกาลหนังสำคัญของทวีปยุโรป
คือ ได้รับรางวัลสิงโตทองคำที่เทศกาลภาพยนตร์เวนิส ประเทศอิตาลี เมื่อปี 2000 จากผลงานเรื่อง “The Circle” ได้รับรางวัลหมีทองคำที่เทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อปี 2015 จากผลงานเรื่อง “Taxi Tehran” และได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี 2018 จากผลงานเรื่อง “Three Faces”
อย่างไรก็ดี เมื่อเดือนกรกฎาคมปีก่อน ปานาฮีวัย 62 ปี กลับถูกจับกุมตัว และต้องรับโทษในเรือนจำ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของวงการหนังอิหร่านและประชาคมภาพยนตร์นานาชาติ
ย้อนไปเมื่อปี 2010 ปานาฮีเคยถูกตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 6 ปี ในข้อหา “โฆษณาชวนเชื่อเพื่อต่อต้านระบบการปกครอง” เนื่องจากเขาได้แสดงจุดยืนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลผ่านการทำภาพยนตร์และการประท้วง
คราวนั้น ปานาฮีถูกคุมขังในเรือนจำอยู่สองเดือน ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวแบบมีเงื่อนไข กล่าวคือ เขาถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศและห้ามสร้างภาพยนตร์ ทั้งยังต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการถูกกักบริเวณในบ้านพัก ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา
กระนั้นก็ตาม นักทำหนังรายนี้ยังพยายามอาศัยช่องโหว่ทางข้อกฎหมาย จนสามารถหาหนทางเล็ดลอดในการสร้างสรรค์ผลงานอยู่ได้เป็นระยะๆ
เช่น การแอบถ่ายหนังด้วยกล้องดิจิทัลและไอโฟน แล้วลักลอบนำภาพยนตร์ที่ตัดต่อสมบูรณ์ออกไปฉายยังเทศกาลต่างประเทศ ผ่านสื่อกลางเล็กๆ อย่างยูเอสบีไดรฟ์
หรือในบางกรณี ผู้กำกับฯ รายนี้ก็ไปถ่ายทำหนังบนรถแท็กซี่ โดยที่ปานาฮีสวมบทเป็นโชเฟอร์ด้วยตัวเอง
กระทั่งเมื่อปี 2022 ความขัดแย้งระหว่างปานาฮีกับอำนาจรัฐก็ปะทุร้อนขึ้นอีกรอบ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอิหร่านสองราย ได้ออกมาวิจารณ์รัฐบาลผ่านโซเชียลมีเดีย หลังเกิดเหตุอาคาร 10 ชั้นถล่ม จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 40 คน ก่อนที่คนทำหนังทั้งคู่จะถูกจับกุม และโดนลงโทษในข้อหายุยงให้เกิดความไม่สงบ และคุกคามความปลอดภัยทางจิตวิทยาในสังคม
ปานาฮีได้ออกมาร่วมประท้วงการจับกุมดังกล่าว และเมื่อเขาเข้าไปนั่งรับฟังการพิพากษาคดีของเพื่อนร่วมวิชาชีพ คนทำหนังอาวุโสรายนี้ก็ถูกจับกุมตัวทันที โดยศาลแถลงเหตุผลว่ามีการยกเลิกเงื่อนไขปล่อยตัวปานาฮีเมื่อปี 2010 นั่นส่งผลให้เขาต้องกลับเข้าไปรับโทษในเรือนจำ
ไม่กี่เดือนถัดมา คนในแวดวงภาพยนตร์อิหร่านจำนวนไม่น้อยก็ถูกจับกุมพร้อมกับประชาชนอีกนับพันราย ภายหลังเกิดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงต่อกรณีที่หญิงสาววัย 22 ปี ชื่อ “มาห์ซา อามินี” เสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว จากข้อหาละเมิดกฎระเบียบเกี่ยวกับการแต่งกายของสตรี
เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ศาลฎีกาอิหร่านได้เพิกถอนคำพิพากษาลงโทษปานาฮีเมื่อ 12 ปีก่อน และมีคำสั่งให้ไต่สวนคดีรอบใหม่ แต่กระนั้น ผู้กำกับภาพยนตร์คนนี้ก็ยังคงถูกคุมขังภายในเรือนจำเรื่อยมา
เดือนกุมภาพันธ์ ต้นปี 2023 ภายหลังถูกจองจำมาเป็นเวลาเกือบ 7 เดือน “จาฟาร์ ปานาฮี” ก็ตัดสินใจประท้วงรัฐบาล-กระบวนการยุติธรรมอิหร่าน และเรียกร้องอิสรภาพที่ตนเองพึงได้รับ ด้วยการ “อดอาหาร-อดน้ำ”
ปานาฮีได้ระบุผ่านแถลงการณ์ที่เผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยภรรยาของเขาว่า “ผมจะยังคงประท้วงอดน้ำและอาหารต่อไป อาจจนกระทั่งถึงตอนที่ร่างกายอันไร้ชีวิตของผม ถูกปลดปล่อยออกมาจากเรือนจำ”
การประท้วงดำเนินไปได้สองวัน ในที่สุด ทางการอิหร่านก็คืนสิทธิการประกันตัวให้แก่ปานาฮี และปลดปล่อยเขาให้ออกมาต่อสู้คดีภายนอกเรือนจำ
หากพิจารณาในบริบทข้ามวัฒนธรรมแล้ว “จาฟาร์ ปานาฮี” ย่อมเป็น “มิตรสหายร่วมชะตากรรม” กับ “ตะวัน-แบม” อย่างมิต้องสงสัย •
ข้อมูลจาก
https://www.bbc.com/news/world-middle-east-64519948
https://www.theguardian.com/film/2022/jul/19/jafar-panahi-sentenced-to-six-years-in-jail
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022