พัฒนาและเติบโต

วัชระ แวววุฒินันท์

ควันหลงสำคัญจากการแข่งขันฟุตบอลถ้วย AFF Cup 2022 ที่ทีมชาติไทยสามารถก้าวขึ้นฉลองแชมป์สมัยที่ 7 มาได้อย่างงดงาม ถึงแม้จะเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์นี้ด้วยดราม่าต่างๆ มากมายก็ตาม

นั่นก็คือนักเตะที่ชื่อ “ธีราธร บุญมาทัน”

หากใครเป็นแฟนฟุตบอลไทยคงไม่มีใครไม่รู้จัก “อุ้ม-ธีราธร บุญมาทัน” เจ้าของฉายา “เท้าซ้ายปีศาจ” นอกจากจะรู้จักแล้ว ย่อมยอมรับถึงฝีเท้าของเขาเป็นอย่างดี แต่ในศึก AFF Cup ที่ว่านี้ แฟนบอลได้สัมผัสกับ “ธีราธร” ในมิติใหม่ ที่บอกได้เต็มปากว่า “โคตรภูมิใจ”

ใครจะนึกว่านักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดี แต่ยามอยู่ในสนามแล้วเหมือน “นักบอลนักเลง” ที่แฟนบอลล้วนส่ายหัวให้กับพฤติกรรมที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ของเขา จนได้รับการเรียกขานว่า “โก๋อุ้ม” นั้น จะพัฒนาและเติบโตมาเป็นธีราธรในวันนี้ได้

ในอดีต เขาเป็นนักฟุตบอลที่ได้รับใบแดงติดๆ กันจากการลงแข่งขัน 2 วัน…เกิดอะไรขึ้น

 

ย้อนไปเมื่อเกือบ 12 ปีที่แล้ว ในเดือนพฤศจิกายน 2554 ธีราธรลงแข่งขันในนามทีมชาติไทยในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกับทีมชาติซาอุดีอาระเบีย ที่ประเทศซาอุฯ ในนัดนั้นเขาไปทำฟาวล์นักเตะคู่แข่งขัน จนได้รับใบแดงให้ออกจากสนาม นั่นเป็นความขมขื่นที่เขาได้รับ และแฟนบอลก็ตราหน้าเขาถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น

เสร็จศึกคัดเลือกฟุตบอลโลกแมตช์นั้น เขาบินตรงมายังประเทศอินโดนีเซียทันที เพื่อเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์ในวันถัดมา เป็นการพบกันกับทีมชาติอินโดนีเซีย

ในแมตช์นี้ เขาลงเตะไม่ทันไรก็ได้รับใบเหลือง และถัดจากนั้นอีกไม่กี่นาทีนักเขาก็ได้ใบเหลืองอีกใบเป็นใบที่สอง กลายเป็นใบแดงต้องออกจากสนามทันที รวมแล้วธีราธรใช้เวลาอยู่ในสนามเพียง 12 นาที เพื่อรับใบแดง

และเป็นใบแดงใบที่สองติดๆ กันในเวลาสองวันเท่านั้น

 

ผลการแข่งขัน ทีมไทยตกรอบแรก และธีราธรก็กลายเป็นแพะ ที่เป็นสาเหตุให้ทีมชาติไทยต้องตกรอบ แฟนๆ ฟุตบอลพากันกระหน่ำซ้ำเติมเขาอย่างไม่ได้ผุดได้เกิด บางสื่อให้ฉายาว่าเขาเป็น “ธีราธร พยัคฆ์อรุณ” เข้านั่น

เป็นเรา เราก็คงสติแตก และขวัญกำลังใจหดหายแน่นอน

กับเขาก็เช่นกัน ที่ถึงกับท้อถอยและถอดใจ จนลุกขึ้นไปบอกพ่อว่าขอเลิกเล่นทีมชาติ แต่พ่อของเขาบอกว่า พ่ออุตส่าห์ตามรับตามส่งเขาตั้งแต่เด็ก หมดเงินหมดทองเสียเวลาไปไม่รู้เท่าไหร่ ยอมเหนื่อยมาตลอดเพื่อให้เขาได้เตะฟุตบอลที่เขารักจนได้ติดทีมชาติ แล้วจะมาเลิกแค่นี้ได้ยังไง

นั่นทำให้เขาลุกขึ้นมาสู้ต่อ

พ่อและแม่ของธีราธรสนับสนุนลูกในเรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะลูกชอบฟุตบอล จึงส่ง ด.ช.อุ้มเรียนที่โรงเรียนกีฬากรุงเทพ และได้เข้าใกล้ความเป็นนักฟุตบอลมากขึ้นเมื่ออุ้มย้ายไปเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี แหล่งที่สร้างนักฟุตบอลชื่อดังมาแล้ว

นั่นเป็นจุดเริ่มให้ธีราธรได้พัฒนาฝีเท้า จนต่อมาได้รับโอกาสเป็นนักเตะอาชีพให้กับสโมรต่างๆ และที่สร้างชื่ออย่างมากคือ การเป็นผู้เล่นหลักของทีมบุรีรัมย์ จนคว้าแชมป์บอลลีกและบอลถ้วยมากมาย รวมทั้งกับสโมสรเมืองทองก็ด้วย ซึ่งเขาได้พิสูจน์ฝีเท้าจนเป็นที่ประจักษ์สำหรับวงการฟุตบอลเมืองไทยมาแล้ว ทั้งในนามสโมสรและทีมชาติไทย

สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ก็ด้วยวินัยการใช้ชีวิตของเขา เขาไม่กินเหล้า สูบบุหรี่ เล่นอบายมุข และให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดี นอกสนามก็ให้เวลากับครอบครัว ไม่มีเรื่องเสียๆ หายๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักฟุตบอลอาชีพทั่วโลกกระทำ

จนเมื่อายุ 27-28 ธีราธรรู้สึกอิ่มตัวกับการเตะฟุตบอลในเมืองไทย แชมป์ก็ได้มาแล้วทุกรายการ สำหรับตัวเองก็ไม่รู้จะพัฒนาไปแข่งกับใครแล้ว มีแต่รุ่นน้องที่พยายามพัฒนาขึ้นมาแข่งกับเขา

เขาอยากไปเปิดโลกในเวทีที่กว้างมากขึ้น

 

สนามที่เขาสนใจและรู้สึกท้าทายคือ “เจลีก” ของญี่ปุ่น ซึ่งตอนแรกเขารู้สึกกังวล และกลัวว่าจะล้มเหลว

วันหนึ่งเขาได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่อย่าง สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ที่เชียร์ให้เขากล้าไปลอง เพราะไม่มีอะไรจะล้มเหลว การได้เล่นในลีกที่ใหญ่กว่า ได้ซ้อมกับนักเตะที่เก่งกว่า มันไม่มีคำว่าล้มเหลวเลย

นั่นทำให้เขามีกำลังใจที่จะไป “สู้” กับมัน เพื่อที่จะ “พัฒนา” ตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อสู้กับนักเตะญี่ปุ่นให้ได้

ในปี 2561 เขาออกเดินทางไปญี่ปุ่นเพียงลำพัง เขาเล่าว่าหลังจากภรรยาและลูกมาส่งที่สนามบินแล้ว เขาก็ได้ร้องไห้บนเครื่องบิน

และที่สโมสรวิสเซล โกเบ ที่เขาไปอยู่ เขาก็ได้ร้องไห้อีกหลายต่อหลายหน ในช่วงแรกนั้นเขาร้องไห้ทุกคืน คิดถึงเมืองไทย คิดถึงครอบครัว เพราะอยู่ที่นั่นเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ภาษาก็ไม่รู้เรื่อง การฝึกซ้อมก็ยังไม่เข้าใจ ทุกอย่างใหม่และแปลกหน้าไปหมด โอกาสที่จะได้ลงเล่นก็ยังไม่มี

ถ้าเป็นคนอื่นคงท้อแล้ว แต่กับเขาไม่…เขาลุกขึ้นสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง เหมือนพระเอกการ์ตูนญี่ปุ่นที่เขาชื่นชอบ นอกสนามเขาก็ฝึกเรื่องภาษา ในสนามก็ฝึกฝนเรื่องฟุตบอลอย่างเข้มข้น

ในที่สุดเขาก็ได้เล่นเป็นตัวจริงของสโมสร และเล่นกับที่นี่จนสโมสรจบตำแหน่งที่ 10 ของฤดูกาล 2018 ในปีต่อมาก็ได้ย้ายไปยังสโมสรที่ใหญ่ขึ้นคือ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส โดยยึดตำแหน่งแบ๊กซ้ายตัวจริง และพาทีมเป็นแชมป์เจลีกได้ในปีนั้น

ธีราธร บุญมาทัน จึงเป็นนักเตะไทยคนแรกที่ได้แชมป์เจลีก 1

ต่อมาเขาก็ได้ย้ายกลับมาเมืองไทย คืนกลับไปยังถิ่นเก่าคือ สโมสรบุรีรัมย์อีกครั้ง และแฟนบอลก็สามารถเห็นได้ถึงฝีเท้าที่พัฒนาขึ้นอย่างมากของเขา

ส่วนการเติบโตนั้น เราเห็นเขาได้จากการแข่งขัน AFF Cup 2022 นี้ ในตำแหน่งกัปตันทีมที่เขาได้รับ เขาสามารถทำหน้าที่ผู้นำได้อย่างดีเยี่ยมทั้งในและนอกสนาม เขาเป็นตัวบัญชาการเกมในสนามอย่างแท้จริง โอกาสในการบุกและทำประตูมากมายเกิดขึ้นจากฝีเท้าและวิธีอ่านเกมอันชาญฉลาดของเขา รวมทั้งการปกป้องลูกทีมจากเหตุการณ์ต่างๆ ในสนามด้วย

ในห้องแต่งตัวและนอกสนาม เขาก็ปลุกเร้าเพื่อนร่วมทีมให้มีพลังและกำลังใจเพื่อชัยชนะเสมอ ไม่ว่าขณะนั้นผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร แต่เขาไม่เคยยอมแพ้

และสุดท้ายเขาและเพื่อนๆ ทีมชาติไทย ก็สามารถคว้าแชมป์มาให้พี่น้องชาวไทยได้ชื่นใจ ตัวเขาเองก็ยังได้รับตำแหนง MVP ของการแข่งขันนี้ไปครองอย่างที่แฟนบอลและทุกสื่อล้วนให้การยอมรับและชื่นชม

ในตอนให้สัมภาษณ์ในช่วงที่รับรางวัล MVP นั้น เราเห็นได้ถึงการเติบโตทางความคิดของธีราธร เพราะเขาไม่ได้พูดถึงชัยชนะที่ได้รับซึ่งเป็นเรื่องของทีมชาติไทย แต่เขาพูดถึงเรื่องที่สำคัญและกว้างใหญ่กว่า โดยบอกว่า

“ผมอยากให้ภูมิภาคอาเซียนพัฒนาด้วยการมี VAR ไม่อยากให้มีการทำร้ายกัน เราคือเพื่อนบ้านกัน ไม่อยากให้มาเตะบอลแล้วเกิดความบาดหมางกัน อยากให้มี VAR เล่นกันแฟร์เพลย์ สู้กันด้วยฟุตบอลอย่างแท้จริง ช่วยกันยกระดับบอลอาเซียนให้สูงขึ้นไปในระดับเอเชียต่อไป”

เป็นการแสดงออกถึงความคิดที่สง่างาม และแสดงออกถึงวิสัยทัศน์ของการเป็นผู้นำอย่างยิ่ง ตัวเขาเองนั้นได้ก้าวข้ามอาเซียนไปแล้ว จากการคว้าแชมป์เจลีก 1 และเขาฝันอยากให้อาเซียนทั้งหมดไม่เฉพาะประเทศไทย พัฒนาขึ้นไปในระดับที่ใหญ่กว่าคือเอเชียให้ได้

เขาไม่ได้มองคู่แข่งขันเป็นศัตรู แต่มองเป็นเพื่อนร่วมอาชีพที่ควรก้าวต่อไปอีกอย่างที่ควรจะเป็นด้วยกัน

เขาไม่ได้มองเฉพาะประเทศไทย แต่มองถึงทั้งภูมิภาคอาเซียน

จาก “โก๋อุ้ม” ในวันนั้น มาถึง “กัปตันอุ้ม” ในวันนี้ ที่เขาได้ “พัฒนา และ เติบโต” ขึ้นจริงๆ

ขอชื่นชมในกำลังใจที่เขามีให้กับตัวเองมาตลอด ชื่นชมความอดทน ไม่ย่อท้อ และมุ่งพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เก่งขึ้น เป็นมืออาชีพให้มากขึ้น

และขอชื่นชมกับการเติบโตเป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่งของเมืองไทย

“อุ้ม-ธีราธร บุญมาทัน” •

 

เครื่องเคียงข้างจอ | วัชระ แวววุฒินันท์