ภาพยนตร์ : NINE DAYS ‘ก่อนจะมาเกิด’ / นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์

 

 

NINE DAYS

‘ก่อนจะมาเกิด’

 

กำกับการแสดง

Edson Oda

 

นำแสดง

Winston Duke

Benedict Wong

Zazie Beetz

Tony Hale

Bill Skarsgard

David Rysdall

 

Nine Days เป็นประสบการณ์ภาพยนตร์ที่น่าทึ่งมากค่ะ

เป็นหนังที่แปลกแหวกแนวเหนือคาดจริงๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ เดาไม่ถูกเลยว่าเรื่องราวของหนังจะพาเราไปทางไหนอย่างไร ถึงตอนจบก็ทำให้อึ้งไปพักหนึ่งเลยทีเดียว

สมกับที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงและได้รับรางวัลการเขียนบทภาพยนตร์จากเทศกาลซันแดนซ์ที่เพิ่งผ่านมา

 

เรื่องของเรื่องคือ วิลล์ (วินสตัน ดิวก์) ใช้ชีวิตโดยลำพังในบ้านชนบทอันโดดเดี่ยวท่ามกลางภูมิประเทศเวิ้งว้าง มีคนรู้จักเพียงคนเดียวที่แวะมาเยี่ยมเยียนเป็นประจำ ชื่อคีโย (เบเนดิกต์ หว่อง)

จะว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่ไปมาหาสู่กันเป็นประจำก็ไม่เชิง เพราะคีโยยังต้องหาข้ออ้างเวลาแวะมาเยี่ยมเยียนวิลล์ผู้รักสันโดษ และบอกว่าเขาไม่มีความต้องการวัตถุสิ่งของใดๆ เลย หากจะมีความต้องการก็คงจะเป็นสิ่งที่บอกไว้ในเพลงของ The Beatles

แล้วก็ร้องออกมาเป็นเพลง All You Need Is Love

ในบ้านอันซอมซ่อของวิลล์มีจอทีวีนับสิบนับร้อยจอเรียงรายอยู่บนผนังด้านหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของงานประจำที่เขาได้รับมอบหมายให้ทำ

จอแต่ละจอเสนอภาพที่ผ่านสายตาของผู้คนหลากหลายชีวิต พร้อมด้วยตัวเลขจำนวนวัน “หลังจากการได้รับคัดเลือก” กำกับไว้

วิลล์สนใจติดตามชีวิตของบุคคลคนหนึ่งเป็นพิเศษ เธอชื่ออแมนดาและเธอเป็นนักไวโอลินผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เยาว์วัย

เขามีเทปบันทึกภาพผ่านสายตาของเธอในทุกวันของชีวิต

เมื่อถึงวัย 28 ปี ในวันที่เธอจะไปแสดงคอนเสิร์ตครั้งสำคัญ เธอขับรถด้วยความเร็วสูงอย่างน่ากลัวบนไฮเวย์ จนพาตัวเองไปสู่อุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต…

…ท่ามกลางสายตาตะลึงงันอย่างเหลือเชื่อของวิลล์และคีโย…

ช่องว่างบนโลกที่จุดจบของอแมนดาทิ้งไว้ ทำให้วิลล์ต้องใช้เวลาเก้าวันในการสัมภาษณ์ผู้สมัครและคัดเลือกผู้ที่เขาเห็นสมควรจะไปเกิดบนโลกมนุษย์ โดยมีคีโยเป็นผู้ตรวจสอบและรับรองการตัดสินของเขา

 

ภพภูมิอันเวิ้งว้างแห่งนี้อยู่ที่ไหน หรือคืออะไรตามความเข้าใจของมนุษย์อย่างเราๆ หนังก็ไม่ได้เล่าแจ้งแถลงไขหรอกค่ะ แม้จะพอเดาได้ถึงความหมายในเชิงศาสนาหรือเทววิทยาที่พาดพิงถึงอยู่บ้าง

อย่างเช่น การใช้แอปเปิลเป็นสัญลักษณ์ในการเล่าเรื่องราว ก็น่าจะพาดพิงไปถึงมนุษย์คู่แรกในคัมภีร์ ซึ่งได้ลิ้มรสอันหอมหวานของแอปเปิลจนถูกขับออกจากสวนอีเดน

การพาดพิงถึงพิธีกรรมในคริสต์ศาสนาที่เรียกว่า “โนวีนา” ซึ่งมีพิธีสวดอยู่เก้าวันให้คนตาย ฯลฯ

ระยะเวลาเก้าวันของการคัดเลือกตัวนี้ จึงดูเหมือนจะเป็นระยะเวลาของวิญญาณที่เร่ร่อนรอการเกิดในโลกมนุษย์ หรือหาไม่ก็แตกดับสลายตัวไป

ผู้สมัครคนหนึ่งถามวิลล์ว่าเขาเป็นพระเจ้าหรือ วิลล์ตอบว่าเขาเป็นเพียงเฟืองตัวหนึ่งอยู่ในกงล้อเท่านั้น และจากพัฒนาการของเรื่อง เราก็ได้ทราบว่ายังมีผู้ที่มีหน้าที่ทำการคัดเลือกวิญญาณให้ไปเกิดอย่างวิลล์อยู่อีกมากมาย

ด้วยความรับผิดชอบอย่างสูงในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายนี้ วิลล์ทำหน้าที่คัดสรรผู้ที่จะได้ไปเกิดในโลกมนุษย์อย่างรอบคอบระมัดระวัง ด้วยการตั้งคำถามถึงค่านิยมทางด้านจริยธรรมและทัศนคติต่างๆ แม้จะบอกว่าไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดหรอก

และสำหรับผู้สมัครที่ไม่ผ่านการคัดเลือก เขาก็ยังมอบความปรารถนาดีให้ด้วยการจำลองประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์ของชีวิตบนโลกให้อย่างใกล้เคียงและสมจริงที่สุด ในรูปของ “ความจริงเสมือน” หรือ virtual reality แบบที่เทคโนโลยีปัจจุบันสรรค์สร้างให้มนุษย์ทุกวันนี้นั่นแหละ

ถึงอย่างนั้น วิลล์ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมบางคนที่ได้รับการคัดเลือกไปเกิดเป็นมนุษย์…อย่างยากเย็นแสนเข็ญ และดูเหมือนจะมีชีวิตที่ดีพร้อม…นั้น ยังเลือกที่จะโยนชีวิตของตัวเองทิ้งไปอย่างไม่อินังขังขอบ

และในฐานะที่วิลล์เคยได้เกิดเป็นมนุษย์เหมือนกัน เขาก็ยังหาความหมายของชีวิตไม่เจออยู่ดี

 

 

จนกระทั่งการคัดเลือกงวดลงมาจนเหลือผู้เข้ารอบเพียงสองคน และวิลล์ต้องตัดสินใจเลือกอย่างยากเย็นด้วยมาตรฐานที่เขาเห็นว่าถูกต้อง

ผู้สมัครคนหนึ่งก็ช่วยจุดความสว่างไสวของปัญญาให้แก่เขา ทำให้เขาได้เข้าใจในความหมายและคุณค่าของ “ชีวิตที่ดี” ในที่สุด และได้รู้สึกใน “ความมีชีวิตชีวา” ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งภายนอก แต่อยู่ที่สภาพภายในของจิตใจตนเองแท้ๆ

เนื้อหาที่ชวนตราตรึงและน่าจดจำที่เราได้อ่านจากวรรณคดี หรือได้ดูจากละครและภาพยนตร์ มักจะตั้งคำถามและให้ความหมายในเชิง “อัตถิภาวะ” (existential) ซึ่งลึกลงไปจากรูปแบบของความบันเทิงชั่วครู่ชั่วยาม

และ Nine Days เป็นความท้าทายความคิดในเชิงความหมายของชีวิต หรือการที่มนุษย์ดำรงอยู่ในโลก

นานทีปีหน ถึงจะมีหนังเนื้อหาแปลกใหม่ไม่ซ้ำใครแบบนี้มาให้ดูสักที

เพราะงั้นถ้ามีโอกาสได้เห็นชื่อหนังเรื่องนี้ผ่านตาที่ไหน ก็ขอแนะนำให้ดูอย่างยิ่งค่ะ