ภาพยนตร์ : CRY MACHO ‘ลูกผู้ชาย’ / นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์

 

 

CRY MACHO

‘ลูกผู้ชาย’

 

กำกับการแสดง

Clint Eastwood

 

นำแสดง

Clint Eastwood

Dwight Yoakam

Eduardo Minette

Natalia Traven

 

ในวัย 91 คลินต์ อีสต์วูด ยังมีแรงกายแรงใจผลิต กำกับฯ และนำแสดงหนังออกมาให้เราดูกัน

ตลอดหกทศวรรษที่ผ่านมา คลินต์ไม่เคยหายหน้าไปจากวงการ เขายังคงยืนยงอยู่คู่วงการบันเทิงมาตลอด มีบริษัทสร้างหนังของตัวเอง กำกับฯ แต่งเพลงในหนังของตัวเอง และนำแสดงหากมีบทที่เหมาะสมกับวัย

และนี่เป็นหนังในแนวถนัดของเขา : เคาบอย แดนตะวันตก การเดินทาง การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนต่างวัย

แต่ก็ใช่ว่าหนังเคาบอยตะวันตกของอีสต์วูดจะหมายถึงการขี่ม้าท่องไปในโลกกว้าง การดวลปืน หรือชีวิตอันแร้นแค้นนอนกลางดินกินกลางทรายเสมอไป

คลินต์หยิบเอาโปรเจกต์หนังที่ค้างคาเปลี่ยนมือจากคนโน้นไปคนนี้มาร่วม 30 ปี ยังไม่เดินหน้าไปไหนซะที ก่อนหน้านี้บทนำไปตกอยู่ในมือของอาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ มาก่อนแล้วด้วย

คลินต์รับมาปัดฝุ่นใหม่และถ่ายทำในช่วงโควิดที่ต้องจำกัดจำนวนทีมงานและนักแสดงที่เข้าฉากด้วยกัน ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญตัวหนึ่งในเรื่อง ส่วนใหญ่เข้าฉากด้วยการโทรศัพท์ติดต่อกัน ซึ่งทำให้นึกถึงหนังช่วงโควิดที่รีวิวไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเหมือนกัน ซึ่งวู้ดดี้ แฮเรลสัน เข้าฉากแบบ “โฟน-อิน” เป็นส่วนใหญ่เลย

ในวัย 91 ซึ่งออกจะแก่เกินแกงไปหน่อยสำหรับความน่าจะเป็นของตัวละคร คลินต์ตัดสินใจนำแสดงเองเลย ภาพลักษณ์ของเขายังไม่ได้เปลี่ยนไปมากสำหรับเรา เพราะเขาน่าจะดูแก่ขนาดนี้มาหลายปีแล้วด้วยซ้ำ

 

ท้องเรื่องของหนังเกิดใน ค.ศ.1978 การเดินทางระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโกยังไม่เข้มงวดมากนัก เจ้าหน้าที่ชายแดนก็ยังหย่อนยานในเรื่องการข้ามพรมแดนอยู่ไม่น้อย

ขณะที่คนสัญชาติเม็กซิโกวิตกเรื่องการตอบคำถามเจ้าหน้าที่เมื่อจะข้ามชายแดน แต่คนอเมริกันผู้มีอันจะกินพอควรก็สามารถจัดการให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ โดยเหมือนกับว่าคนเม็กซิกันจะเดินข้ามแดนไปได้เฉยๆ เมื่อมีคนอเมริกันมารับ

เรื่องราวคงไม่ได้เกิดขึ้นแบบนี้แน่ถ้าเป็นในยุคสมัยนี้ ซึ่งกองตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐเข้มงวดต่อกระแสผู้อพยพที่พยายามหลั่งไหลเข้าประเทศ

ไมค์ ไมโล (คลินต์ อีสต์วูด) เป็นอดีตแชมป์โรดิโอ หรือการขี่ม้าผาดโผน แต่หมดอาชีพไปจากอุบัติเหตุการตกม้า

การสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่สำคัญต่อเขา รวมทั้งลูกเมีย ทำให้ไมโลหมดอาลัยตายอยากในชีวิตและดูเหมือนอยู่ไปวันๆ โดยเมาหัวราน้ำ

ในที่สุด เขาก็ถูกไล่ออกจากงานเคาบอยในไร่ในรัฐเท็กซัส เนื่องด้วยความไม่รับผิดชอบมาเข้าทำงานตามเวลา

และ ณ จุดที่ไม่มีอะไรอื่นทำอีกแล้วในชีวิต เจ้านายเก่าของเขา เฮาเวิร์ด โพล์ก (ดไวต์ โยคัม) มาขอให้เขาเดินทางไปจัดการพาตัวลูกชายวัยรุ่นที่อยู่กับแม่ที่ปล่อยปละละเลยให้ลูกถูกทารุณกรรม และการ “ไปพาตัวมา” นี้ อาจหมายถึงการ “ลักพา” ก็ได้ตามแต่ความจำเป็นเฉพาะหน้า

เพื่อตอบแทนบุญคุณของเจ้านาย ไมโลขับรถบุโรทั่งเดินทางข้ามพรมแดนไปเม็กซิโกเพื่อภารกิจนี้ และไปพบกับแม่ของเด็กที่ยังสาวสวย แต่ติดเหล้าติดยา และดูท่ามีอันจะกิน โดยมีลูกสมุนรับใช้อยู่หลายคน

ฉากการพบปะกับแม่ของเด็กนี้ คุณคลินต์ออกจะไปไกลเกินขีดความเป็นไปได้มากไปหน่อย นั่นคือมีการยั่วยวนชายวัยเก้าสิบที่ออกจะแก่เกินแกงนี้

แต่นั่นอาจเป็นรสชาติความเผ็ดร้อนที่คลินต์รู้สึกว่าต้องใส่เข้ามาเพื่อปรุงไม่ให้หนังจืดชืดก็ได้

 

เด็กชายคนที่ไมโลไปตามหานั้นไม่ใช่เด็กน้อยในรูปถ่ายอีกแล้ว เพราะกาลเวลาที่ดูเชื่องช้าสำหรับคนสูงวัยย่อมทำให้เด็กเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว บัดนี้ ราฟา (เอ็ดดูอาร์โด มิเนตตี) ย่างเข้าวัยรุ่น และกำลังอยู่ในช่วงวัยที่มีปัญหา

ราฟาไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้านแม่แล้ว แต่กลายเป็นเด็กเกเร ไปตะลอนตระเวนอยู่ในโลกของอบายมุข และบ่อนพนันไก่ชน

และเขาเป็นเจ้าของไก่ชนที่เขาตั้งชื่อว่า “มาโช” ซึ่งแปลว่า ลูกผู้ชาย หรือคนที่ทะนงแกร่งกล้าเยี่ยงชายชาตรี

และนี่คือที่มาของชื่อหนัง ซึ่งไม่รู้ว่าจะแปลว่า ร้องตะโกนประกาศอวดศักดาว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชายแกร่งกล้า หรือร้องไห้ให้แก่ความเป็นชายชาตรีของตน

Cry ในภาษาอังกฤษมีความหมายได้ทั้งสองแบบ

และเรื่องราวก็ก้าวไปสู่การเดินทางในชีวิตของชายต่างวัยสองคน เพื่อไปสู่สิ่งที่ตนคิดว่าเป็นชีวิตที่ดีกว่า

หลบหนีจากการจับกุมของเจ้าพนักงานในข้อหาลักพาตัว และหลบหนีจากเงื้อมมือของอันธพาลที่ตามรังควานเนื่องด้วยการขัดผลประโยชน์กัน

ระหว่างที่คนต่างวัย-คนหนึ่งกำลังอยู่ในช่วงบั้นปลายของชีวิต ส่วนอีกคนชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นได้ไม่เท่าไร–ได้พบคำตอบที่เป็นทางแยกไปกันคนละทางให้แก่ชีวิตอันดูท่าเหมือนจะภินท์พังของตัวเอง

ชายสูงวัยแบ่งปันความรอบรู้จากประสบการณ์ชีวิตอันยาวนานที่ผ่านมา โดยบอกกับเด็กรุ่นกระทงที่อยากแกร่งเหมือนลูกผู้ชายว่า อันที่จริง คนเราให้ค่ากับความเป็นลูกผู้ชายมากเกินไป

ซึ่งแปลไทยเป็นไทยได้ว่า คนเราไม่จำเป็นต้องแกร่งกล้าเสมอไปในทุกกรณีหรอก ไม่ผิดอะไรที่จะอ่อนแอบ้างในบางครั้ง

และความเข้มแข็งก็มาจากความอ่อนแอนั่นเอง พอล้มลงไป ก็ลุกขึ้นมาใหม่ได้ โดยไม่ปล่อยให้ตัวเองล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้นตลอดไป

 

แม้จะไม่ใช่หนังที่ดีที่สุดด้วยฝีมือของคลินต์

แต่ก็เป็นหนังที่เดินไปเรื่อยๆ ช้าๆ ดูได้เพลินๆ

ถ่ายภาพธรรมชาติได้สวยละเมียดละไม และดนตรีประกอบได้อารมณ์

ไม่รู้ว่าคุณปู่คลินต์ อีสต์วูด จะยังมีแรงทำหนังให้เราดูต่อไปอีกกี่เรื่อง