ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3 - 9 กันยายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
STILLWATER
‘น้ำนิ่งไหลลึก’
กำกับการแสดง
Tom McCarthy
นำแสดง
Matt Damon
Camille Cottin
Abigail Breslin
Lilou Siauvaud
ก่อนอื่นเลย ชื่อหนังเป็นชื่อเมืองในรัฐโอคลาโฮมา และพระเอกของเรื่องมาจากเมืองนี้
แต่ขณะเดียวกัน ในแง่ของศิลปะ การเลือกอะไรมาเป็นชื่อเรื่องก็ย่อมแฝงความหมายมากกว่าเพียงแค่ผิวเผิน
ดังนั้น Stillwater จึงสะท้อนความหมายที่กินความกว้างไกลเกินชื่อเมืองที่เป็นแหล่งที่มาของตัวละคร
ผู้กำกับฯ ทอม แม็กคาร์ธี ซึ่งโด่งดังจากการเขียนบทภาพยนตร์และการกำกับหนังเรื่อง Spotlight (2015) ทำให้หนังซึ่งมีเนื้อหาที่ทำให้นึกถึงหนังยอดนิยมแบบที่พ่อตามล่าตามล้างแบบ “ข้ามาคนเดียว” ในต่างถิ่นต่างแดนต่างวัฒนธรรม เพื่อตามหาลูกสาวที่พลัดถิ่นไปตกอยู่ในความเดือดร้อน
ช่วงครึ่งแรกของหนังคลับคล้ายคลับคลาจะเป็นหนังแบบ Taken ของเลียม นีสัน เลย
แต่คนดูที่หวังจะเห็นหนังแอ๊กชั่นที่พระเอกเก่งจนเอาชนะผู้ร้ายได้ทั้งฝูงแบบนั้น เห็นจะต้องผิดหวังละค่ะ
บิล (แมตต์ เดมอน) มาจากพื้นเพคนใช้แรงงานในรัฐภาคกลางตอนใต้ของสหรัฐ ซึ่งเป็นรัฐเคร่งศาสนาและเอียงขวาสุดโต่ง ในอเมริกาถือว่าโอคลาโฮมาเป็นรัฐสีแดง เลือกตั้งทีไรคนของพรรครีพับลิกันก็ลอยลำชนะมาล้วนๆ แบบที่เดโมแครตไม่มีโอกาสแทรกซึมเข้าไปได้เลย เพราะถือเป็นพรรคของพวกหัวก้าวหน้า
บิลเป็นคนงานแท่นขุดน้ำมัน ซึ่งกำลังตกงานอยู่ และต้องรับจ๊อบเฉพาะหน้าอย่างการเคลียร์พื้นที่ที่ถูกทอร์นาโดพัดกระหน่ำวอดวาย ขณะที่ต้องดูแลแม่ผู้ชราและเจ็บป่วยขั้นสุดท้าย
บิลเป็นแฟนกีฬาที่ตั้งชื่อตามชื่อเมือง คือ สติลวอเตอร์ และสวดขอบคุณพระเจ้าในทุกมื้ออาหาร
ไม่ทันไร เราก็เห็นบิลนั่งเครื่องบินชั้นประหยัด เหินฟ้าไปเมืองมาร์เซย์ในฝรั่งเศส
จุดหมายของเขาคือเพื่อเยี่ยมลูกสาว แอลลิสัน (อาบิเกล เบรสลิน) ซึ่งติดคุกอยู่ที่นั่นมาแล้วห้าปี และเหลือเวลาที่ยังต้องรับโทษอีกสี่ปี
คดีของแอลลิสัน นักศึกษาสาวอเมริกันที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าเพื่อนสาวคนรักเชื้อสายอาหรับในอพาร์ตเมนต์ของตัวเอง เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนมาก และหลักฐานมัดตัวเธออย่างแน่นหนา ในขณะที่เธอบอกว่าตัวเองเป็นคนบริสุทธิ์
ต้นเรื่องของ Stillwater มาจากคดีฆาตกรรมในชีวิตจริงของอแมนดา น็อกซ์ สาวอเมริกัน ที่ถูกจำคุกในอิตาลีโทษฐานฆาตกรรมเพื่อนร่วมห้องเมื่อ ค.ศ.2007 ซึ่งตกเป็นข่าวครึกโครมเหมือนกัน
แต่หนังก็ใช้เรื่องราวในชีวิตจริงเป็นเพียงแรงบันดาลใจให้เล่าเรื่องในแบบที่อยากเล่า โดยไม่ได้มาจากชีวิตจริงล้วนๆ
นี่คือเรื่องราวของบิลผู้เป็นพ่อ ไม่ใช่เรื่องราวของแอลลิสันผู้เป็นลูกสาว และพ่อ-ลูกคู่นี้ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อันอบอุ่นมาก่อน อันที่จริง ทั้งคู่เหมือนจะเป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งมาเจอะเจอกันมากกว่า
แอลลิสันโตขึ้นมาเหมือนเด็กที่ไม่มีพ่อ เพราะพ่อใช้ชีวิตทำงานขุดเจาะน้ำมันในแดนไกลอยู่ตลอด และเธอเลือกมาเรียนมหาวิทยาลัยที่มาร์เซย์ เพื่อ “อยู่ให้ไกลจากบ้านมากที่สุด” ตามที่เธอบอก
นี่คือเรื่องราวของบิลที่สำนึกผิดในความเป็นพ่อของตัวเองและพยายามชดใช้และชดเชยความผิดพลาดในอดีตให้แก่ลูกสาวที่เขาเคยปล่อยปละละเลยมาตลอด และจนบัดนี้ก็ยังไม่ได้รับความไว้วางใจจากลูกสาว
แอลลิสันบังเอิญไปเจอข้อมูลใหม่ ซึ่งน่าจะช่วยพิสูจน์ว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดีนี้ และเมื่อบิลนำเรื่องไปขอความช่วยเหลือจากทนายความ ทนายของแอลลิสันก็บอกปัดโดยสิ้นเชิงว่าข้อมูลที่ได้มานั้นจะไม่ช่วยให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ได้
และในฐานะพ่อ บิลต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยลูกสาวด้วยความยากลำบากของภาษาและวัฒนธรรมในต่างแดน ซึ่งคนอเมริกันบางพวกมักจะซื่อบื้อและขาดความละเอียดอ่อนจนมองไม่เห็น
ระหว่างที่บิลรั้งรออยู่ในมาร์เซย์เพื่อคอยช่วยเหลือและให้กำลังใจแก่ลูกสาวที่ต้องโทษ เขาได้สร้างความสัมพันธ์กับเด็กหญิงน่ารักและแก่แดดชื่อ มายา (ลิลู ซิอาวาอุด) โดยอาศัยอยู่กับ “ครอบครัวชั่วคราว” และได้รับความช่วยเหลือจากแม่ของเธอ เวอร์จินี (คามิล คอตติน) ซึ่งช่วยเป็นล่ามให้เขาเป็นครั้งเป็นคราว
เวอร์จินีเป็นนักแสดงละครเวที ใช้ชีวิตแบบศิลปินซึ่งเป็นพวกนอกคอกของสังคม และอยู่ตรงข้ามคนละขั้วกับบิล ผู้อยู่ในขนบนิยมและเคร่งศาสนา หรืออย่างน้อยก็จะไม่พยายามทำอะไรผิดไปจากแบบแผนเดิมๆ
มีตอนที่ทำให้ต้องนึกขันเพราะไม่คาดคิดอยู่ตอนหนึ่ง เมื่อเวอร์จินีให้เพื่อนศิลปินผิวดำของเธอมาช่วยค้นหาข้อมูลออนไลน์ ขณะที่บิลนั่งดูอยู่ และเวอร์จินีบอกเพื่อนว่า “เอาสิ ถามเขาไปเลย ถามได้เลย” ซึ่งแปลว่าคำถามนี้เป็นเรื่องที่พวกเธออยากรู้อยากเห็นจนคันไปหมด ถ้าไม่ได้ถามคงอึดอัดใจตาย คำถามที่ทำให้อดหัวเราะไม่ได้คือ “คุณลงคะแนนเลือกทรัมป์หรือเปล่า”
หนังนำเสนอความตึงเครียดของคนต่างเชื้อชาติ โดยเฉพาะคนเชื้อสายอาหรับ-มุสลิมที่อพยพเข้าไปอยู่ในฝรั่งเศส กับคนผิวขาวเจ้าของถิ่น และโดยเฉพาะเมื่อคดีของแอลลิสันเป็นเรื่องระหว่างคนต่างเชื้อชาติ ก็ยิ่งทำให้เลยเถิดไปใหญ่ กลายเป็นคดีครึกโครมในสังคมและระดับนานาชาติ
แต่หนังดูจะเปลี่ยนโทนไปในส่วนสุดท้ายของหนัง แถมยังมีองค์ประกอบของเรื่องที่พลิกความคาดหวังไปอีกทาง จนเกิดความเคลือบแคลงในด้านศีลธรรมจรรยาและกฎหมายบ้านเมือง
อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับฯ ก็ไม่ทิ้งความแหลมคมในการนำเสนอเรื่องหลายตอน โดยเฉพาะเมื่อแอลลิสันเดินทางกลับสู่เมืองสติลวอเตอร์บ้านเกิดของเธอ เธอได้รับการต้อนรับเป็นทางการเยี่ยงวีรสตรี
นี่เป็นความย้อนแย้งของสังคมแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ
ถ้าคิดกันจริงๆ วัฒนธรรมการเชิดชูวีรบุรุษในสังคมเรากลายเป็นเรื่องน่าขัน และทำให้ตั้งคำถามว่า คนที่ควรแก่การยกย่องนั้นคือใครหรืออย่างไรกันแน่
แมตต์ เดมอน เล่นดีมากๆ ค่ะ สร้างแคแร็กเตอร์ได้อย่างละเอียดและชวนคิด
สรุปเลยดีกว่าว่า นี่ไม่ใช่หนังแอ๊กชั่นสุดมันส์อย่างที่ทำท่าว่าจะเป็นในทีแรก แต่เป็นดราม่าที่ชวนประทับใจทีเดียว