เงาเกาหลี l Move to Heaven : การขนย้ายครั้งสุดท้าย / มาดามหลูหลี

มาดามหลูหลี[email protected]

 

 

Move to Heaven : การขนย้ายครั้งสุดท้าย

 

ร่างกายของมนุษย์เราคือ ขยะดีๆ (ที่ไม่ดี) นี่เอง เมื่อมีชีวิตอยู่ต้องกินอยู่ขับถ่าย ซึ่งสร้างปริมาณขยะมากมาย แม้เมื่อตายไปแล้ว นอกจากร่างกายที่เป็นขยะต้องถูกเผา ยังมีเสื้อผ้าของใช้ที่ต้องทิ้งอีกจำนวนหนึ่ง

ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือตายไป ล้วนเป็นภาระให้กับโลกใบนี้

Move to Heaven ซีรีส์เกาหลีที่เล่าเรื่องการจัดเก็บข้าวของของผู้ตาย อันเป็นการขนย้ายครั้งสุดท้าย อันเป็นของใช้ซึ่งผู้ตายทิ้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ หรือเอกสารต่างๆ

ฮันจองอู (จีจินฮี) อดีตเจ้าหน้าที่ดับเพลิง มาเปิดกิจการเล็กๆ ชื่อ “Move to Heaven” บริการเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านคนตาย เป็นอาชีพที่มีอยู่จริงในเกาหลี ที่เรียกว่า Trauma Cleaner

และนับวันธุรกิจนี้มีคนใช้บริการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสะท้อนรูปแบบการใช้ชีวิตของสังคมเมืองที่มีความโดดเดี่ยว ทั้งยังถูกกดทับด้วยการทำงาน

ฮันจองอูมีลูกชายฮันกือรู (ทังจุนซัง) เป็นผู้ช่วย ทุกครั้งที่ไปเก็บกวาดบ้านผู้ตาย สองพ่อ-ลูกไม่ได้เป็นแค่พนักงานเก็บกวาดทั่วไป ทั้งสองจะถอดหมวกและกล่าวบอกผู้ตายด้วยความเคารพ ทั้งตั้งใจเก็บกวาดบ้านอย่างพิถีพิถันจนสะอาดทุกจุด ไม่ว่าสภาพบ้านก่อนหน้านั้นจะเป็นเช่นไร

บริการพิเศษที่ Move to Heaven มีความแตกต่างจากคนอื่น คือการมอบบริการด้วยใจให้ลูกค้า โดยส่งต่อ “กล่องสีเหลือง” ใส่ของใช้หรือสิ่งของที่ผู้ตายต้องการบอกกับครอบครัวหรือคนที่อยู่ข้างหลัง

เพราะฮันจองอูเชื่อว่า “ทุกความตายมีเรื่องเล่า” อ่านความต้องการของผู้ตายผ่านข้าวของของพวกเขา

 

อยู่ๆ ฮันจองอูหัวใจวายตาย ทิ้งฮันกือรูลูกชายซึ่งเป็นเด็กพิเศษ เป็นโรคแอสเพอร์เกอร์ (Asperger Syndrome) มีอาการคล้ายๆ เด็กออทิสติก (Autistic) แต่จะมีไอคิวสูงกว่า ฉลาดกว่า แต่เวลาพูดไม่มองหน้าคน และเข้าสังคมไม่เป็น ไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นการพูดคุยอย่างไร

ฮันจองอูเป็นห่วงฮันกือรู จึงได้ทำพินัยกรรมให้โจซังกู (อีเจฮุน) น้องชายต่างบิดา เป็นผู้ปกครองคอยดูแลฮันกือรู

ฮันกือรูตอนอยู่กับพ่อ เขาทำงานตามพ่ออย่างสงบในชุดฟอร์มสีขาว เมื่อมาทำกับอาซังกู เขาจึงเป็นซีอีโอคอยสอนอาซังกูให้ทำตามที่เขาบอก และใส่ชุดฟอร์มสีดำ เหมือนโลกของอาซังกูเป็นสีเทา

โจซังกูมีชีวิตลำบากในวัยเด็ก ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการชกมวยอย่างผิดกฎหมาย (Street Fighting) ใช้ชีวิตอย่างเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย

โจซังกูคิดว่าฮันจองอู พี่ชายเพียงคนเดียวของเขาทอดทิ้งเขา แต่เมื่อมาอยู่กับฮันกือรู เขาได้พบเรื่องราวต่างๆ ในวัยเด็กของเขากับพี่ชาย เหมือนตัวจิ๊กซอว์ที่ฮันกือรูต่ออยู่บนโต๊ะ ค่อยๆ ปะติดปะต่อเป็นรูปร่าง

ภาพที่เขาคิดจึงไม่ใช่ความเป็นจริงที่เขาพบ

 

แม้ว่าพ่อฮันจองอูจากไปแล้ว แต่คำสอนต่างๆ ยังอยู่ในความทรงจำ ราวกับพ่อยืนพูดอยู่ข้างๆ เขา เพราะฮันกือรูมีความทรงจำดีมากๆ อ่านหรือเห็นเพียงครั้งเดียวก็จำได้ทั้งหมด

ฮันกือรูมีความสามารถเข้าใจเรื่องราวของผู้ตายที่ทิ้งไว้หลังจากไป และจัดเก็บสิ่งของที่คิดว่าสำคัญของผู้ตายที่ต้องการสื่อสารกับคนข้างหลัง ด้วยการส่งมอบสิ่งของให้ครอบครัว ด้วยคำพูดและการกระทำที่ซื่อตรง

ฮันกือรูทำหน้าที่ต่อจากพ่อได้ดี เขาช่วยหา “ข้อความสุดท้าย” ของผู้ตาย และทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของผู้ตายเป็นจริง!

 

Move to Heaven ซีรีส์บอกเล่างานเก็บกวาดหลังความตายของผู้คนได้อย่างงดงาม ด้วยความเคารพและนอบน้อม ชีวิตผู้ตายแต่ละคนมีชีวิตที่แสนเศร้าเหลืออยู่ แต่ก็มีบางคนที่มีความตายอันงามสง่า

เป็นซีรีส์ที่อยากดูอยากรู้ตอนต่อไป และโปรดเตรียมกระดาษซับน้ำตาไว้ข้างตัว ดูแล้วคิดถึงญาติมิตรผู้จากไป

จีจินฮี นักแสดงมาดดีดูอบอุ่นเสมอ ไม่ว่าจะรับบทบาทใด เป็นพ่อของฮันกือรูที่อบอุ่น แม้ว่าออกมาตอนแรกก็ต้องตายจาก แต่กลับมีบทปรากฏตัวเป็นระยะๆ ในเกือบทุกตอน เป็นตัวละครที่บทน้อยแต่มีพลังมาก เป็นพ่อที่ยังคงอยู่ในใจและเป็นที่พึ่งทางใจให้ลูกได้เสมอ

อีเจฮุนเปลี่ยนบุคลิกจากพระเอกมาดสุขุม มาเป็น “ซัมซุน” คุณอาแบดบอย เป็นฮีโร่สายดาร์กของหลานชายผู้ไม่มีสายเลือดเกี่ยวข้องกัน แต่กลับผูกพันกัน

ฮงซึงฮีเป็นยูนนามูเพื่อนรักและเพื่อนบ้านของฮันกือรู ที่คอยห่วงใยฮันกือรูเสมอ ชื่อ “กือรู” และ “นามู” แปลว่าต้นไม้เหมือนกัน ส่วนนางเอกซูยองเป็นซนยูริม นักสังคมสงเคราะห์ ที่ทำให้อาซังกูรู้สึกคันยิบๆ ในหัวใจ

และทังจุนซังได้บทเด่นมากในเรื่องนี้ จากนักแสดงในบททหารน้องเล็กจาก “Crash Landing on You” มารับบทฮันกือรูได้อย่างสมจริงสมบทบาทมาก จนดูเหมือนเป็นเด็กแอสเพอร์เกอร์จริงๆ

Move to Heaven ซีรีส์อันควรค่าแก่การชม ดูแล้วนึกถึงหนังญี่ปุ่นเรื่อง Departure (2008) ที่ต่างเกี่ยวข้องกับความตาย

แล้วหลังความตายนอกจาก “ขยะ” ที่เหลืออยู่ เราควรทิ้งสิ่งใดไว้บ้าง?!