ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 สิงหาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | สำเริงคดี |
เผยแพร่ |
ไม่เล่น (2)
หนังเรื่องต่อๆ ไปที่แบรดพิตต์ไม่เล่น
4. THE BOURNE IDENTITY
หลังจากได้ร่วมเล่นหนัง OCEAN 11 ด้วยกัน แมต เดมอน ก็เข้าเสียบบทสายลับ เจสัน บอร์น แทนแบรด พิตต์ ซึ่งตอนนั้นไม่ว่าง เนื่องเพราะติดสัญญาหนัง SPY GAME เดมอนจึงดังโลด เพราะหนังสนุกมากแล้วสามารถทำเงินได้ 1.6 พันล้านทั่วโลก แถมมีภาคต่อตามระเบียบของหนังฮอต
5. THE DEPARTED
แบรดไปขอซื้อลิขสิทธิ์หนังเรื่อง INTERNAL AFFAIRS ของฮ่องกงมาทำใหม่เป็นเรื่อง THE DEPARTED โดยเขาจะรับบทตัวเอก ซัลลิแวน แต่แล้วกลับตัดใจถอนตัวด้วยเหตุผลว่า “ผมคิดว่าผมแก่เกินไปสำหรับบทนี้อ่ะ” เขาให้สัมภาษณ์กับ THE INTERVIEW แล้วเอาแมต เดมอน มาเสียบแทนอีกครา โดยแบรดขอทำหน้าที่โปรดิวเซอร์อย่างเดียว
6. AMERICAN PSYCHO
ขณะที่คริสเตียน เบล ได้รับบทฆาตกร แพทริก เบตเมน จนได้สร้างชื่อให้คอหนังจดจำ เวอร์ชั่นแรกของหนังนี้ที่กำกับฯ โดยเดวิด โครเนนเบิร์ก กำหนดตัวเอกของเรื่องเป็นแบรด พิตต์ แต่ความขัดแย้งในระหว่างช่วงสร้างสรรค์งาน ทำให้โครงการถูกระงับไป
“ในช่วงทศวรรษ ’90 แบรด พิตต์ เป็นดาราหนุ่มกำลังดัง เดวิดโอเคที่จะให้เขาเล่น แต่ผู้กำกับฯ รายนี้มีข้อเรียกร้องพิลึกๆ เช่น เขาไม่อยากถ่ายฉากในภัตตาคาร หรือฉากในไนต์คลับ” ผู้เขียนบท เบรต อิสตัน เอลลิส บอกเล่ากับนิตยสาร ROLLING STONE
“แล้วเขายังไม่ชอบฉากที่มีความรุนแรงอีกด้วย ผมไม่สนข้อเรียกร้องของเขาหรอก เขาเลยจ้างคนเขียนบทใหม่ บทนั้นแป้ก…แล้วหนังก็เจ๊ง”
7. HEATHERS
ว่ากันทางเทคนิคแล้ว แบรดไม่ได้ไปออดิชั่นบทในเรื่องนี้ แต่มีเทปบันทึกภาพแบรดอ่านบทของ J.D. ซึ่งต่อมาคนที่ได้เล่นคือ คริสเตียน สเลเตอร์
“เรารวบรวมนักแสดงและเพื่อนพ้องที่ติดต่อได้ให้มาลองอ่านบท มีสเตซี เทรวิซ เป็นนักแสดงที่เราได้รู้จักในชั้นเรียนการแสดงมาทดสอบบท แต่ไม่มีคนเล่นเป็น J.D.” ผู้กำกับฯ ไมเคิล เลห์แมน เล่าเท้าความ
“เราเลยขอคำแนะนำจากสเตซี แล้วเธอก็เสนอเด็กหนุ่มคนหนึ่งในชั้นเรียนเดียวกันมาอ่านบท J.D. หลายปีต่อมา ผมถึงได้รู้ว่าเขาคือ แบรด พิตต์”