ภาพยนตร์ : HERE TODAY ‘หัวเราะเคล้าน้ำตา’ / นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์

 

HERE TODAY

‘หัวเราะเคล้าน้ำตา’

 

กำกับการแสดง

Billy Crystal

 

นำแสดง

Billy Crystal

Tiffany Haddish

Penn Badgley

Laura Benanti

 

ดาราตลกคนหนึ่งที่ผู้เขียนชอบมากเสมอมาคือ บิลลี่ คริสตัล

When Harry Met Sally (1989) ที่บิลลี่ คริสตัล เล่นคู่กับเม็ก ไรอัน ไม่เคยลบเลือนไปจากความทรงจำ เป็นหนังโรแมนติกคอเมดี้ที่น่ารักลงตัวมาก

และการที่บิลลี่ได้รับเลือกเป็นพิธีกรการแจกรางวัลออสการ์ถึง 9 หน ซึ่งเป็นจำนวนครั้งที่มากที่สุดสำหรับพิธีกรออสการ์ ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาอยู่ในความชื่นชอบของผู้คนแค่ไหน เพราะรายการถ่ายทอดสดที่มีผู้ชมเฝ้าดูทั่วโลกแบบนั้นต้องผ่านการสำรวจความนิยมกันอย่างจริงจังมาแล้ว

สดๆ ร้อนๆ ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้เอง บิลลี่ คริสตัล มีหนังใหม่ซึ่งเขาทั้งกำกับฯ ร่วมเขียนบท แสดงนำและอำนวยการสร้าง รวบอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไว้คนเดียวเลย

และได้นักแสดงตลกรุ่นลูกอีกคนมาเล่นคู่ด้วย คือ ทิฟฟานี่ แฮดดิช ที่เพิ่งได้ Grammy Award for Best Comedy Album (Black Mitzvah) มาหมาดๆ ในปีนี้เอง

 

ทั้งหลายทั้งปวง Here Today เป็นเรื่องของนักเขียนคอเมดี้รุ่นอาวุโส ที่ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งในอาชีพการงาน แต่ล้มเหลวในชีวิตครอบครัว

ชาร์ลี เบิร์นซ์ (บิลลี่ คริสตัล) อยู่ตัวคนเดียวในมหานครนิวยอร์ก ภรรยาเสียชีวิตไปหลายปีแล้วจากอุบัติเหตุและลูกชายลูกสาวก็แทบไม่ได้เจอะเจอหน้ากัน

แทบทุกวันชาร์ลีเดินลัดเลาะตามถนนในนิวยอร์กไปทำงานที่สตูดิโอถ่ายทำรายการคอเมดี้ ซึ่งเขาเป็นที่ปรึกษาของทีมเขียนบทสำหรับรายการที่ออกอากาศสด

เมื่อเปิดเรื่องชาร์ลีกำลังเดินไปสตูดิโอ โดยที่เขาคอยเตือนสติตัวเองให้เดินไปตามเส้นทางประจำโดยไม่เฉไฉออกนอกเส้นทาง

นั่นคือวิธีที่เขารับมือกับสภาพทางร่างกายของคนสูงวัยที่เริ่มจะมีอาการสมองเสื่อม นอกเหนือไปจากการที่เขาติดรูปพร้อมชื่อคนในครอบครัวไว้บนบอร์ดที่ห้องทำงาน เพื่อเตือนตัวเองให้จดจำหน้ากับชื่อลูกหลานไว้ให้ดี

 

มีอยู่ฉากหนึ่งที่เขาแชร์ประสบการณ์การลืมอันน่าตกใจของเขาให้ฟังว่า เขานั่งคุยกับผู้ชายคนหนึ่งอย่างเหมือนจะรู้จักกันดีมาพักใหญ่ แต่ก็นึกไม่ออกเอาจริงๆ ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ซึ่งผู้ฟังก็ปลอบเขาว่าไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก ใครๆ ก็ลืมเรื่องแบบนี้กันได้ทั้งนั้น

แต่ชาร์ลีตอบว่า แต่ผู้ชายคนนั้นบอกว่าเป็นลูกชายเขาเองนะ

มีฉากหนึ่งที่ตลกมากกับการที่อยู่ดีๆ ชาร์ลีก็เกิดสับสนจนจำคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ ในการถ่ายรายการสัมภาษณ์เพื่อโปรโมตหนังเรื่องใหม่ที่เขาเป็นคนเขียนบท และผู้กำกับคือ แบร์รี่ เลวินสัน (ผู้กำกับฯ Rain Man ตัวจริงเสียงจริง) และนักแสดงนำชายหญิงคือ แชรอน สโตน และเควิน ไคลน์ (ตัวจริงเสียงจริงทั้งสองคน)

แน่นอนว่าทั้งสามคนเป็นคนเด่นคนดังในวงการที่เป็นที่รู้จักกันดีทั้งนั้น แบร์รี่ เลวินสัน กำลังเล่าว่าชาร์ลีเป็นคนสุภาพมาก ทำงานด้วยกันมานานแต่ก็เรียกเขาว่า มิสเตอร์เลวินสันทุกที ชาร์ลีก็ยิ้มรับไม่ได้ว่าอะไร จนถึงคิวเขาพูดบ้าง เขาก็เกิดนึกไม่ออกเอาดื้อๆ ว่าจะเรียกผู้ชายข้างตัวว่าอะไร จนแบร์รี่ เลวินสัน ต้องต่อให้ว่า “มิสเตอร์เลวินสัน” ซึ่งคนดูเลยนึกว่านี่เป็นมุขของนักเขียนบทตลกไป

รวมทั้งเขาก็จะพูดถึงนักแสดงนำหญิงในหนัง แต่ก็ยังนึกชื่อแชรอน สโตน ไม่ออก จนเธอต้องต่อให้ว่า “เมอริล สตรีป” กลายเป็นมุขเฮฮากันไปอีก

และชาร์ลีก็ทำเนียนเสียจนแทบไม่มีใครจับได้ว่าความจำในหัวเขาขาดหายไปดื้อๆ อย่างปัจจุบันทันด่วน

 

มีมุขแบบนี้ประปราย ซึ่งถ้าคิดจริงจังก็คงหัวเราะไม่ออกหรอกค่ะ แต่คอเมดี้เป็นเรื่องของจังหวะอยู่แล้ว เพราะงั้นเราจึงหัวเราะได้

ทฤษฎีคอเมดี้บอกไว้ว่า บางทีคนเราก็หัวเราะ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องร้องไห้ออกมา ฟังดูเป็นเรื่องย้อนแย้งน่าดู แต่ก็ทำให้ตระหนักว่าการหัวเราะกับการหลั่งน้ำตานั้นอยู่ใกล้กันนิดเดียว

มื้อกลางวันมื้อหนึ่ง ชาร์ลีมีภารกิจต้องไปนั่งกินอาหารกับคนแปลกหน้า ซึ่งชนะการประมูลมื้อกลางวันกับบุคคลมีชื่อเสียง (คงเป็นเรื่องการกุศลอะไรสักอย่างละค่ะ)

และเขาได้พบกับเอ็มมา เพจ (ทิฟฟานี่ แฮดดิช) ซึ่งบอกว่าเธอไม่รู้หรอกว่าชาร์ลีเป็นใคร แต่ได้บัตรรางวัลนี้มาจากแฟนที่เพิ่งเลิกกันซึ่งเป็นแฟนงานเขียนของชาร์ลี

จากความเป็นคนแปลกหน้า ชาร์ลีและเอ็มมาเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ที่ไม่ได้เป็นไปตามแบบแผนทั่วไป ด้วยการช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน เติมเต็มความขาดความพร่องของกันและกัน

เอ็มมาเป็นนักร้องในบาร์และบางทีก็เปิดการแสดงในสถานีรถใต้ดิน เธอมีรอยสักที่สะโพกเป็นกรอบที่เขียนว่า Slippery When Wet เหมือนกับป้ายที่คนทำความสะอาดเอาไปตั้งเวลาจะถูพื้น เพื่อเตือนให้ระวังตัวเวลาเดินผ่าน โดยบอกว่าพื้นลื่นนะ ซึ่งชาร์ลีก็ดูงงๆ อยู่เมื่อแรกที่ได้เห็น จากการที่ต้องเป็นคนฉีดยาแก้แพ้ให้เธอ แต่ต่อมาจึงได้รู้ว่า นั่นคือชื่อวงที่เธอร้องเพลง

ผู้เขียนไม่ได้ติดตามวงการดนตรีสากลมากนัก แต่ก็พอรู้ว่า Slippery When Wet เป็นชื่อวงของซูเปอร์สตาร์ บอน โจวี ก็เลยได้แต่งงๆ นิดหน่อยว่าบอน โจวี มาเกี่ยวอะไรอยู่ตรงนี้ด้วย

 

ลูกชายของชาร์ลีชื่อ เร็กซ์ (เพนน์ แบดกลีย์) และชาร์ลีมีเรื่องเล่าที่ฮากลิ้งเกี่ยวกับลูกคนนี้ว่าคลอดอย่างฉุกละหุกขณะที่เขากับภรรยากำลังไปชมพิพิธภัณฑ์ และคลอดตรงบริเวณที่ตั้งแสดงไดโนเสาร์ตัวโตที่ชื่อ ทีเร็กซ์

ต้องขอบอกว่า ทีเร็กซ์ หรือ Tyrannosaurus Rex เป็นชื่อไดโนเสาร์ที่เข้ามาอยู่ในความรับรู้ของเราก็เพราะ Jurassic Park แท้ๆ เลย

ชาร์ลีมีจุดศูนย์รวมในครอบครัวที่โยงเขากับลูกสองคน คือหลานตาชื่อ ลินด์ซี (ออดรีย์ เซห์) ซึ่งหน้าตาและนามสกุลบอกเชื้อชาติเอเชีย

แต่เดี๋ยวนี้นักแสดงเอเชีย (และคนกลุ่มน้อย) กำลังขึ้นหม้อ จึงไม่ต้องแปลกใจอะไรมากในเรื่อง wokeness หรือความตระหนักในความอยุติธรรมในเรื่องเชื้อชาติ ที่กำลังเป็นเทรนด์อยู่ในช่วงหลายปีมานี้

นอกจากนั้น ความเป็นยิวก็ยังแทรกเข้ามาอยู่ในพล็อต เพราะลินด์ซีที่มีหน้าตาเป็นเอเชียคนนี้กำลังมีพิธีบาร์มิตซ์วาของชาวยิว เพื่อฉลองการผ่านจากวัยเด็กเข้าสู่วัยหนุ่ม-สาว

จะว่าไป ก็มีเรื่องหัวมังกุท้ายมังกรอยู่เยอะมาก แต่นั่นก็คงสะท้อนความเป็นสังคมไร้พรมแดนละกระมัง