ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 มิถุนายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
NOMADLAND
‘ฝันแบบอเมริกันอันลมๆ แล้งๆ’
กำกับการแสดง
Chloe Zhao
นำแสดง
Frances McDormand
David Strathairn
Linda May
Charlene Swankie
Bob Wells
รอคอยมานานนับเดือนกว่าจะได้ดูหนังปี 2020 ที่ได้ออสการ์ในสาขาหลักสามรางวัล คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม และนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม ไม่ต้องพูดถึงรางวัลมากมายจากสถาบันอื่นๆ อีก
แปลง่ายๆ ว่าเป็นหนังที่ควรค่าแก่การดูและนักดูหนังไม่ควรปล่อยผ่านไป เดี๋ยวจะไม่ได้ลับความคมของสติปัญญาและรสนิยมในการดูหนังนอกกระแสที่เข้ามาอยู่ในกระแสความสนใจของวงการภาพยนตร์
พอดูจบก็…อึ้งไปพักใหญ่ค่ะ ยังไม่อยากพูดไม่อยากคุยกับใคร ขอใช้เวลาย่อยอีกนิด
ใช่ค่ะ เป็นหนังที่สวยงามด้วยความคิดและการสื่อสารด้วยภาพอันน่าจดจำ การเสพหนังเรื่องนี้น่าจะต้องทำเหมือนเวลาเราอ่านกวีนิพนธ์อันละเมียดละไม คือใช้เวลาอยู่กับมันโดยทิ้งชีวิตปกติไปชั่วคราว
จริงๆ แล้ว ดูในโรงน่าจะได้อรรถรสดีที่สุด
ผู้เขียนชอบดูหนังในโรง แบบดูรวดเดียวจบ เหมือนกับว่าเราจัดสรรเวลาราวสองชั่วโมงแยกไว้ต่างหากไม่ให้มีอะไรเข้ามาขัดขวางหรือรบกวน ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า undivided attention ไม่ต้องลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็น หาอะไรขบเคี้ยว หรือกดค้างไว้เพื่อลุกไปดูว่าหมาเห่าอะไร หรือว่ามีใครมาหา หรือว่ามีพัสดุมาส่งให้ที่บ้าน ฯลฯ
การดูแบบไม่ต่อเนื่องเป็นการทำลายอรรถรสของภาพยนตร์แบบที่ไม่แฟร์กับตัวหนังที่ตั้งใจสร้างด้วยการพัฒนาพล็อต พัฒนาตัวละคร โยงความคิดของเรื่องเข้าด้วยกัน
เสียแต่ว่าในช่วงนี้ สถานการณ์ไม่อำนวยให้ออกจากบ้านไปดูหนัง ก็เลยต้องทำใจดูหนังอยู่กับบ้าน หนังบางเรื่องก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่หนังเรื่องนี้ทำให้รู้สึกว่าจะดีกว่ามากถ้าได้ดูในโรง
ซึ่งน่าจะให้ประสบการณ์ที่ซึมซับภาพและเรื่องราวที่ค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่ค่อยมีอะไรโฉ่งฉ่างเปรี้ยงปร้างเรียกร้องความสนใจ
ปีนี้มีหนังสองเรื่องจากฝีมือของผู้กำกับฯ เชื้อสายเอเชียชาย-หญิงที่ได้รับความสนใจมาก คือ Minari และ Nomadland ซึ่งต่างพูดถึงสิ่งที่เรียกขานกันว่า “ความฝันแบบอเมริกัน”
ซึ่งเป็นสิ่งที่อเมริกาภาคภูมิใจเหลือเกินว่าเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ ณ ที่ซึ่งทุกคนมีโอกาสหรือความเสมอภาคที่จะทำให้ความฝันกลายเป็นจริงขึ้นมาได้
ทว่า Nomadland พลิกความฝันแบบอเมริกันไปอีกทางโดยสิ้นเชิง
นี่เป็นเรื่องราวของเฟิร์น (ฟรานเซส แม็กดอร์มันด์ ซึ่งได้ออสการ์มาครองเป็นตัวที่สามในบทบาทนี้) หญิงวัยหกสิบเศษ ซึ่งเพิ่งจะสูญเสียสามีและหลักแหล่งงานการที่ทำมาตลอดชีวิตในช่วงเศรษฐกิจถดถอยในปลายทศวรรษ 2010
ชุมชนอุตสาหกรรมที่เธอทำงานอยู่ล่มสลายไปจนไม่เหลือแม้แต่รหัสไปรษณีย์ ในระยะเวลาไม่เท่าไร เมืองเอ็มไพร์ในรัฐเนวาดา ก็หายไปจากแผนที่ เหมืองยิปซัมปิดตัวลง
เฟิร์นทิ้งสมบัติพัสถานของตัวเองและสามีปิดล็อกไว้ในโกดัง ซื้อรถแวนเก่าๆ และระเห็จออกจากเมือง ใช้ชีวิตของคนเร่ร่อน หาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปวันๆ ตามแต่งานที่จะหาได้
งานแรกที่เธอไปทำคือเป็นคนงานในโกดังของแอมะซอนในช่วงที่มีการสั่งซื้อสินค้ากันมากที่สุดของปี คือในช่วงคริสต์มาส แต่ก็เป็นเพียงการจ้างงานชั่วคราว เพราะเพียงเมื่อพ้นเทศกาลมา บริษัทก็เลิกจ้าง และเฟิร์นต้องตระเวนหางานต่อไป
บริษัทจัดหางานแนะนำให้เธอลงทะเบียนขอสวัสดิการสำหรับการเกษียณก่อนอายุ แต่เฟิร์นยืนยันว่าเธออยากได้งานทำมากกว่า และเธอชอบใช้ชีวิตด้วยการมีงานทำ
มีเพื่อนแนะนำให้เฟิร์นไปร่วมการพบปะสังสรรค์กลางทะเลทรายของกลุ่ม “คนไร้บ้าน” ซึ่งมีผู้นำคือ บ็อบ (บ็อบ เวลส์)
คำปราศรัยของบ็อบตีโดนจุดอย่างตรงเผงในเรื่องฝันสลายของคนอเมริกัน โดยสรุปว่า พวกเราทำงานเหน็ดเหนื่อยเหมือนม้าที่ถูกใช้งานมาตลอดชีวิต โดยมีความหวังจะได้พักผ่อนอย่างสบายในบั้นปลายชีวิต แต่กลับตื่นขึ้นมาพบความจริงอันแสนเจ็บปวดและว้าเหว่ของชีวิตเร่ร่อนที่ไม่มีแม้หลังคาคุ้มหัว
คนพวกนี้คือพวกโนแมดสมัยใหม่ เหมือนกับชนเผ่าเร่ร่อนไร้หลักแหล่งสมัยก่อน หรือในดินแดนกว้างใหญ่ของเอเชีย
เป็นวิถีชีวิตของคนที่อยู่นอกกรอบของสังคมตามแบบแผน เหมือนกับพวกฮิปปี้ในยุคทศวรรษ 1970 แต่ฮิปปี้ส่วนใหญ่เป็นหนุ่ม-สาวที่มีทัศนะต่อต้านแบบแผนของสังคม ในขณะที่โนแมดสมัยใหม่เหล่านี้เป็นพวกคนสูงวัยที่โดนมรสุมของเศรษฐกิจและสังคมกระหน่ำซัดจนหลุดออกมานอกกรอบ
หนังไม่มีพล็อตแบบเข้มข้นที่พาเราจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง และดูเหมือนจะพาเราเร่ร่อนไปตามตัวละครทั่วดินแดนอันสวยงามกว้างใหญ่ของอเมริกา ห่างไกลจากวัฒนธรรมของเมือง
ตัวเอกของเรื่องคือเฟิร์น “เลือก” วิถีชีวิตเช่นนั้นเอง ทั้งๆ ที่เธอมีทางเลือกอื่นมากกว่าหนึ่งทาง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะได้สัมผัสกับชีวิตที่มีอิสระและสวยงามในตัวเองในโลกกว้าง จนไม่อยากพาตัวเองกลับไปอยู่ในกรอบของแบบแผนเหมือนเดิมอีกแล้ว
เธอปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่ homeless เพียงแค่ houseless ซึ่งหมายความว่าเธอเพียงแค่ไม่มีหลังคาบ้านคุ้มหัว แต่เธอได้ทำรถแวนของเธอให้เป็นบ้านที่สุขสบาย (home) สำหรับตัวเองแล้ว
พลังของหนังมาจากภาษาของภาพและฝีมือการแสดงของฟรานเซส แม็กดอร์มันด์ ซึ่งแทบจะเล่นอยู่คนเดียวตลอดเรื่อง
มีนักแสดงที่คุ้นหน้าคุ้นตาอีกคนเดียวในเรื่องคือ เดวิด สเตนแฮร์น (จำได้แม่นตั้งแต่เล่นคู่กับเมอรีล สตรีป ใน River Wild) นอกนั้นตัวละครส่วนใหญ่ไม่ใช่นักแสดง แต่เป็นโนแมดตัวจริงเสียงจริง ที่ใช้ชื่อจริงเป็นชื่อตัวละครเสียด้วย นับแต่ลินดา เมย์, ชาร์ลีน สแวงกี้ และบ็อบ เวลส์
ขอบอกอีกครั้งว่านี่อาจไม่ใช่หนัง “สนุก” สำหรับทุกคนนะคะ แต่สำหรับคนที่พร้อมจะเปิดใจ เปิดประสบการณ์และโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น ก็น่าจะได้ซึมซับความงามแบบกวีนิพนธ์และภาษาของภาพ รวมทั้งความงดงามของสิ่งสามัญที่หาได้ง่ายที่สุดจากธรรมชาติภายใต้ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต…