ภาพยนตร์ : NOMADLAND ‘ฝันแบบอเมริกันอันลมๆ แล้งๆ’ / นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์

 

 

NOMADLAND

‘ฝันแบบอเมริกันอันลมๆ แล้งๆ’

 

กำกับการแสดง

Chloe Zhao

นำแสดง

Frances McDormand

David Strathairn

Linda May

Charlene Swankie

Bob Wells

 

รอคอยมานานนับเดือนกว่าจะได้ดูหนังปี 2020 ที่ได้ออสการ์ในสาขาหลักสามรางวัล คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม และนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม ไม่ต้องพูดถึงรางวัลมากมายจากสถาบันอื่นๆ อีก

แปลง่ายๆ ว่าเป็นหนังที่ควรค่าแก่การดูและนักดูหนังไม่ควรปล่อยผ่านไป เดี๋ยวจะไม่ได้ลับความคมของสติปัญญาและรสนิยมในการดูหนังนอกกระแสที่เข้ามาอยู่ในกระแสความสนใจของวงการภาพยนตร์

พอดูจบก็…อึ้งไปพักใหญ่ค่ะ ยังไม่อยากพูดไม่อยากคุยกับใคร ขอใช้เวลาย่อยอีกนิด

 

 

ใช่ค่ะ เป็นหนังที่สวยงามด้วยความคิดและการสื่อสารด้วยภาพอันน่าจดจำ การเสพหนังเรื่องนี้น่าจะต้องทำเหมือนเวลาเราอ่านกวีนิพนธ์อันละเมียดละไม คือใช้เวลาอยู่กับมันโดยทิ้งชีวิตปกติไปชั่วคราว

จริงๆ แล้ว ดูในโรงน่าจะได้อรรถรสดีที่สุด

ผู้เขียนชอบดูหนังในโรง แบบดูรวดเดียวจบ เหมือนกับว่าเราจัดสรรเวลาราวสองชั่วโมงแยกไว้ต่างหากไม่ให้มีอะไรเข้ามาขัดขวางหรือรบกวน ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า undivided attention ไม่ต้องลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็น หาอะไรขบเคี้ยว หรือกดค้างไว้เพื่อลุกไปดูว่าหมาเห่าอะไร หรือว่ามีใครมาหา หรือว่ามีพัสดุมาส่งให้ที่บ้าน ฯลฯ

การดูแบบไม่ต่อเนื่องเป็นการทำลายอรรถรสของภาพยนตร์แบบที่ไม่แฟร์กับตัวหนังที่ตั้งใจสร้างด้วยการพัฒนาพล็อต พัฒนาตัวละคร โยงความคิดของเรื่องเข้าด้วยกัน

เสียแต่ว่าในช่วงนี้ สถานการณ์ไม่อำนวยให้ออกจากบ้านไปดูหนัง ก็เลยต้องทำใจดูหนังอยู่กับบ้าน หนังบางเรื่องก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่หนังเรื่องนี้ทำให้รู้สึกว่าจะดีกว่ามากถ้าได้ดูในโรง

ซึ่งน่าจะให้ประสบการณ์ที่ซึมซับภาพและเรื่องราวที่ค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่ค่อยมีอะไรโฉ่งฉ่างเปรี้ยงปร้างเรียกร้องความสนใจ

 

 

 

 

ปีนี้มีหนังสองเรื่องจากฝีมือของผู้กำกับฯ เชื้อสายเอเชียชาย-หญิงที่ได้รับความสนใจมาก คือ Minari และ Nomadland ซึ่งต่างพูดถึงสิ่งที่เรียกขานกันว่า “ความฝันแบบอเมริกัน”

ซึ่งเป็นสิ่งที่อเมริกาภาคภูมิใจเหลือเกินว่าเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ ณ ที่ซึ่งทุกคนมีโอกาสหรือความเสมอภาคที่จะทำให้ความฝันกลายเป็นจริงขึ้นมาได้

ทว่า Nomadland พลิกความฝันแบบอเมริกันไปอีกทางโดยสิ้นเชิง

นี่เป็นเรื่องราวของเฟิร์น (ฟรานเซส แม็กดอร์มันด์ ซึ่งได้ออสการ์มาครองเป็นตัวที่สามในบทบาทนี้) หญิงวัยหกสิบเศษ ซึ่งเพิ่งจะสูญเสียสามีและหลักแหล่งงานการที่ทำมาตลอดชีวิตในช่วงเศรษฐกิจถดถอยในปลายทศวรรษ 2010

ชุมชนอุตสาหกรรมที่เธอทำงานอยู่ล่มสลายไปจนไม่เหลือแม้แต่รหัสไปรษณีย์ ในระยะเวลาไม่เท่าไร เมืองเอ็มไพร์ในรัฐเนวาดา ก็หายไปจากแผนที่ เหมืองยิปซัมปิดตัวลง

เฟิร์นทิ้งสมบัติพัสถานของตัวเองและสามีปิดล็อกไว้ในโกดัง ซื้อรถแวนเก่าๆ และระเห็จออกจากเมือง ใช้ชีวิตของคนเร่ร่อน หาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปวันๆ ตามแต่งานที่จะหาได้

 

งานแรกที่เธอไปทำคือเป็นคนงานในโกดังของแอมะซอนในช่วงที่มีการสั่งซื้อสินค้ากันมากที่สุดของปี คือในช่วงคริสต์มาส แต่ก็เป็นเพียงการจ้างงานชั่วคราว เพราะเพียงเมื่อพ้นเทศกาลมา บริษัทก็เลิกจ้าง และเฟิร์นต้องตระเวนหางานต่อไป

บริษัทจัดหางานแนะนำให้เธอลงทะเบียนขอสวัสดิการสำหรับการเกษียณก่อนอายุ แต่เฟิร์นยืนยันว่าเธออยากได้งานทำมากกว่า และเธอชอบใช้ชีวิตด้วยการมีงานทำ

มีเพื่อนแนะนำให้เฟิร์นไปร่วมการพบปะสังสรรค์กลางทะเลทรายของกลุ่ม “คนไร้บ้าน” ซึ่งมีผู้นำคือ บ็อบ (บ็อบ เวลส์)

คำปราศรัยของบ็อบตีโดนจุดอย่างตรงเผงในเรื่องฝันสลายของคนอเมริกัน โดยสรุปว่า พวกเราทำงานเหน็ดเหนื่อยเหมือนม้าที่ถูกใช้งานมาตลอดชีวิต โดยมีความหวังจะได้พักผ่อนอย่างสบายในบั้นปลายชีวิต แต่กลับตื่นขึ้นมาพบความจริงอันแสนเจ็บปวดและว้าเหว่ของชีวิตเร่ร่อนที่ไม่มีแม้หลังคาคุ้มหัว

คนพวกนี้คือพวกโนแมดสมัยใหม่ เหมือนกับชนเผ่าเร่ร่อนไร้หลักแหล่งสมัยก่อน หรือในดินแดนกว้างใหญ่ของเอเชีย

เป็นวิถีชีวิตของคนที่อยู่นอกกรอบของสังคมตามแบบแผน เหมือนกับพวกฮิปปี้ในยุคทศวรรษ 1970 แต่ฮิปปี้ส่วนใหญ่เป็นหนุ่ม-สาวที่มีทัศนะต่อต้านแบบแผนของสังคม ในขณะที่โนแมดสมัยใหม่เหล่านี้เป็นพวกคนสูงวัยที่โดนมรสุมของเศรษฐกิจและสังคมกระหน่ำซัดจนหลุดออกมานอกกรอบ

 

หนังไม่มีพล็อตแบบเข้มข้นที่พาเราจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง และดูเหมือนจะพาเราเร่ร่อนไปตามตัวละครทั่วดินแดนอันสวยงามกว้างใหญ่ของอเมริกา ห่างไกลจากวัฒนธรรมของเมือง

ตัวเอกของเรื่องคือเฟิร์น “เลือก” วิถีชีวิตเช่นนั้นเอง ทั้งๆ ที่เธอมีทางเลือกอื่นมากกว่าหนึ่งทาง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะได้สัมผัสกับชีวิตที่มีอิสระและสวยงามในตัวเองในโลกกว้าง จนไม่อยากพาตัวเองกลับไปอยู่ในกรอบของแบบแผนเหมือนเดิมอีกแล้ว

เธอปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่ homeless เพียงแค่ houseless ซึ่งหมายความว่าเธอเพียงแค่ไม่มีหลังคาบ้านคุ้มหัว แต่เธอได้ทำรถแวนของเธอให้เป็นบ้านที่สุขสบาย (home) สำหรับตัวเองแล้ว

พลังของหนังมาจากภาษาของภาพและฝีมือการแสดงของฟรานเซส แม็กดอร์มันด์ ซึ่งแทบจะเล่นอยู่คนเดียวตลอดเรื่อง

มีนักแสดงที่คุ้นหน้าคุ้นตาอีกคนเดียวในเรื่องคือ เดวิด สเตนแฮร์น (จำได้แม่นตั้งแต่เล่นคู่กับเมอรีล สตรีป ใน River Wild) นอกนั้นตัวละครส่วนใหญ่ไม่ใช่นักแสดง แต่เป็นโนแมดตัวจริงเสียงจริง ที่ใช้ชื่อจริงเป็นชื่อตัวละครเสียด้วย นับแต่ลินดา เมย์, ชาร์ลีน สแวงกี้ และบ็อบ เวลส์

ขอบอกอีกครั้งว่านี่อาจไม่ใช่หนัง “สนุก” สำหรับทุกคนนะคะ แต่สำหรับคนที่พร้อมจะเปิดใจ เปิดประสบการณ์และโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น ก็น่าจะได้ซึมซับความงามแบบกวีนิพนธ์และภาษาของภาพ รวมทั้งความงดงามของสิ่งสามัญที่หาได้ง่ายที่สุดจากธรรมชาติภายใต้ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต…