คนมองหนัง : ‘มังกรหยก: ตำนานกรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ หนังภาคพิสดารที่ ‘ไม่เด่น’ หนังภาคหนึ่งที่ ‘ไม่ได้’

คนมองหนัง

 

‘มังกรหยก: ตำนานกรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’

หนังภาคพิสดารที่ ‘ไม่เด่น’

หนังภาคหนึ่งที่ ‘ไม่ได้’

 

เดือนมิถุนายนนี้ อุตสาหกรรมบันเทิงของจีนแผ่นดินใหญ่ ได้ปล่อยภาพยนตร์ “มังกรหยก 2021” ออกมาสองภาคในเวลาไล่เลี่ยกัน บนแพลตฟอร์มออนไลน์

เรื่องแรก คือ “The Legend of the Condor Heroes : The Cadaverous Claws” หรือ “มังกรหยก ตอน ตำนานกรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม”

เรื่องที่สอง คือ “The Legend of the Condor Heroes : The Dragon Tamer” หรือ “มังกรหยก ตอน สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร”

โดยเนื้อหาของหนังทั้งสองเรื่องจะไม่ได้ทับซ้อนกัน ใช้บริการนักแสดงต่างชุด และมีผู้กำกับฯ ต่างคน

ขณะที่หนังเรื่องหลังมีตัวละครศูนย์กลางเป็น “ก๊วยเจ๋ง-อึ้งย้ง” และมีเนื้อหาซึ่งน่าจะสอดคล้องกับเส้นเรื่องหลักของนิยาย “มังกรหยก ภาคหนึ่ง”

หนังเรื่องแรกกลับเลือกโจทย์ที่ท้าทายกว่า ด้วยการหันไปใส่ใจให้ความสำคัญกับภูมิหลังและชะตากรรมของตัวละครสมทบมากสีสันในนิยายอย่าง “ศพเหล็ก – เหมยเชาฟง” (บ๊วยเถี่ยวฮวง)

ล่าสุด ทางแพลตฟอร์มออนไลน์ “วีทีวี ประเทศไทย” (WeTV) ได้นำเอา “มังกรหยก ตอน ตำนานกรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม” มาเผยแพร่เป็นที่เรียบร้อย

เมื่อได้รับชมแล้ว ผมในฐานะแฟนหนัง-ซีรีส์-นิยายกำลังภายใน ก็มีข้อคิดเห็นดังต่อไปนี้

 

“มังกรหยก ตอน ตำนานกรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม” (กำกับภาพยนตร์โดย “ฝู่ตง”) วางโจทย์ที่ทั้งน่าสนใจและยากมากให้แก่ตนเอง

เริ่มตั้งแต่การพยายามเล่าถึงที่มา-ที่ไปของตัวละครซึ่งมีบุคลิกซับซ้อนน่าค้นหา คล้ายจะเป็น “นางมารโดยสมบูรณ์” แต่ก็มิใช่ เช่น “เหมยเชาฟง”

เราสามารถแบ่งหนังออกได้เป็น 2 ช่วง (ซึ่งถูกนำเสนอแบบตัดสลับไปมา) คือ ช่วงแรก นับตั้งแต่ตอนที่ “เหมยเชาฟง” เริ่มรู้จัก “มารบูรพา – อึ้งเอี๊ยะซือ” จนถึงเหตุการณ์ที่นางตัดสินใจหนีออกจากเกาะดอกท้อ

และช่วงที่สอง ว่าด้วยชะตากรรมของ “เหมยเชาฟง” และ “ศพทองแดง – เฉินเสียนฟง” ผู้เป็นศิษย์พี่และคนรัก หลังทั้งคู่หลบหนีจากเกาะดอกท้อพร้อมด้วย “คัมภีร์เก้าอิม”

ในเนื้อหาช่วงหลังยังมีเส้นเรื่อง 2 เส้น ที่ดำเนินคู่ขนานกันไป ได้แก่ สถานการณ์ก่อนหน้า-นอกเหนือเรื่องราวในนิยาย “มังกรหยก ภาคหนึ่ง” และสถานการณ์ที่ไปบรรจบกับเนื้อหาของนิยายต้นฉบับพอดี

ความสลับซับซ้อนเหล่านี้ถูกบีบอัดให้บรรจุอยู่ในภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ซึ่งมีความยาวเพียงแค่ 100 นาที

ดังนั้น หนัง “มังกรหยก ตอน ตำนานกรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม” จึงประกอบด้วยแก่นเรื่องหลัก พล็อตย่อยๆ และเหล่าตัวละครที่เยอะแยะวุ่นวายไปหมด

ทั้งความรัก (ลับๆ) ระหว่าง “อึ้งเอี๊ยะซือ” กับ “เหมยเชาฟง” ซึ่งถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่, การฝึกวิชา “กรงเล็บกระดูกขาว” (แบบ “คลีนๆ” ไม่เสียเลือดเนื้อ) และการดำรงอยู่ของ “เจ็ดประหลาดกังหนำ” “ก๊วยเจ๋ง-อึ้งย้ง-เอี้ยคัง” ตลอดจน “อาวเอี๊ยงฮง” กับลูก/หลานชาย

กระทั่งทุกองค์ประกอบถูกแตะนิดแตะหน่อยอย่างผิวเผินถ้วนหน้า

จนอดคิดแทนคนทำหนังไม่ได้ว่า ด้วยข้อจำกัดในเรื่องช่วงเวลาของ “ความเป็นภาพยนตร์” เช่นนี้ บางที “มังกรหยก ตอน ตำนานกรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม” น่าจะโฟกัสเรื่องราวไปที่ความรัก-ความผิดใจระหว่าง “อาจารย์” กับ “ศิษย์” เป็นหลัก และคงต้องเลือกตัดทิ้งตัวละคร-รายละเอียดอื่นๆ ของนิยายไปเสียบ้าง

ซึ่งตัวงานที่ได้ก็จะออกมาในรูปของ “มังกรหยกภาคพิเศษ/พิสดาร” ทำนอง “Ashes of Time” (มังกรหยก ศึกอภิมหายุทธ์) หรือซีรีส์หลายๆ เรื่องช่วงยุค 90

 

นอกจากประเด็นปัญหาเชิงโครงสร้างการเล่าเรื่อง ผมยังรู้สึกขัดใจไม่น้อยที่หนังพยายาม “ฟอกขาว” ให้ตัวละคร “เหมยเชาฟง” มากเกินไป จนพฤติการณ์การลงมือสังหาร-ทำร้ายผู้คนของนาง ถูกตีความเป็น “เรื่องบังเอิญ” หรือ “เรื่องจำใจทำ” ไปเกือบหมด

เท่ากับว่าผู้ชมจะไม่ได้มองเห็นพัฒนาการอันลึกซึ้งในการ “ล่วงถลำเข้าสู่ด้านมืด” ของ “ศพเหล็ก” ผู้เป็นแกนกลางในหนังเรื่องนี้มากนัก (แม้ผู้สร้างจะพยายามใส่บทพูดที่กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวลงไปตอนช่วงท้ายๆ ก็ตาม)

“มังกรหยก ตอน ตำนานกรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม” ยังมีปัญหาเรื่องการสร้างภาพพิเศษด้วยคอมพิวเตอร์ แม้หนังจะไม่พยายามเดินตามรอยภาพยนตร์/ซีรีส์จีนกำลังภายใจรุ่นหลังๆ ที่จัดเต็มด้านเทคนิคการสร้างภาพพิเศษเสียจนเว่อร์-ฟุ้ง

กระนั้น การพึ่งพาเทคโนโลยีการสร้างภาพพิเศษแบบน้อยๆ ก็ยังให้ผลลัพธ์ (เป็น “งูยักษ์”) ที่ไม่ค่อยน่าพึงพอใจสักเท่าใดนัก

ถ้าหนังเรื่องนี้จะมีข้อดีแบบแปลกๆ ประการหนึ่ง นั่นก็คือ ยกเว้น “เหยียนอี้ควน” ผู้รับบท “อึ้งเอี๊ยะซือ” ซึ่งมีออร่าดาราเด่นชัดแล้ว นักแสดงรายอื่นๆ กลับไม่ได้มีหน้าตา-บุคลิกภาพสวยหล่อล้นเกินสักเท่าไหร่

“หรวนจวี้” นักแสดงหญิงรุ่นใหม่ที่สวมบท “เหมยเชาฟง” ก็ดูหม่นเศร้าและไม่ได้สวยเด่น ดุจเดียวกันกับผู้รับบทเป็นตัวละครหญิงที่เหลือ เช่น “อึ้งย้ง” และภรรยาของ “อึ้งเอี๊ยะซือ”

นี่ดูจะย้อนแย้งกับซีรีส์กำลังภายในยุคใหม่ เช่น “มังกรหยก 2017” ที่นักแสดงหญิงทุกคนต้องหน้าตาดี (เป็นพิมพ์เดียวกัน) หมด จนเรื่องราวและบทบาทของตัวละครถูกกลบบังไปมากพอสมควร

สรุปสุดท้ายแล้ว จุดอ่อนหลักๆ ของ “มังกรหยก ตอน ตำนานกรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม” นั้นอยู่ที่ความทะเยอทะยานอยากจะเป็นทั้ง “มังกรหยกภาคพิเศษ/พิสดาร” และ “มังกรหยก ภาคหนึ่ง”

ทว่าหนังกลับไปได้ไม่สุดสักทาง