ภาพยนตร์ : CRUELLA ‘เบื้องหลังผู้ร้าย’ / นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์

 

CRUELLA

‘เบื้องหลังผู้ร้าย’

 

ผู้สร้าง

Craig Gillespie

นำแสดง

Emma Stone

Emma Thompson

Joel Fry

Paul Walter Hauser

Mark Strong

 

สมัยยังเด็ก เมื่อไรที่มีหนังการ์ตูนของวอลต์ดิสนีย์ออกฉายในโรง พ่อของผู้เขียนก็จะพาไปดูทุกเรื่อง เพราะคงถือว่าเป็นวัฒนธรรมมวลชนที่ถือว่าใสสะอาด ไร้พิษภัยต่อเยาวชน

จำได้ว่าเมื่ออายุราวสิบเอ็ดสิบสองเห็นจะได้ ได้ดูหนังการ์ตูนที่จำได้ติดตาเกี่ยวกับสุนัขรูปร่างเพรียวสวยสีขาวจุดดำแสนน่ารักฝูงใหญ่ที่ถูกจับไปหมายจะฆ่าจะแกงและถลกหนังเอาไปทำเสื้อขนสัตว์หรูหราในวงการแฟชั่น หมาน่ารักพวกนี้ต้องหนีหัวซุกหัวซุนเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือของหญิงร่ำรวยจอมโหดที่มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือผมสีดำและขาวคนละซีกของศีรษะ

จากหนังการ์ตูนเรื่องนั้น จำได้ว่าผู้เขียนได้เรียนรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษหลายคำ

เริ่มด้วย Dalmatian กับ Cruel…คำแรกเป็นชื่อสุนัขพันธุ์หนึ่งที่มีลักษณะเด่นเห็นได้ชัดคือ ตัวสีขาวปลอดมีจุดดำด่างประปราย

และคำที่สองแปลว่าโหดร้าย ซึ่งแปลงมาเป็นชื่อของตัวละครใจร้าย

Cruella de Vil

ชื่อที่ต่อท้ายมา หรือนามสกุล de Vil นั้น พ่ออธิบายว่า de เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ของ หรือ of ในภาษาอังกฤษ ส่วน Vil นั้นก็อาจย่อมาจาก villain ซึ่งแปลว่าผู้ร้ายก็ได้ หรือรวมสองคำเป็น devil แปลว่าปีศาจหรือซาตานก็ได้

สมัยนั้นพ่อชอบพาไปดูหนังฝรั่งที่ไม่พากย์ไทย เพื่อให้คุ้นกับภาษาอังกฤษและถือโอกาสสอนความรู้ใหม่ๆ ให้เป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตนอกหลักสูตรของโรงเรียน

และนั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งของการปลูกฝังสมัยยังเยาว์ สำหรับการที่ผู้เขียนกลายมาเป็นนักวิจารณ์ภาพยนตร์ก็ได้

…ทำให้สำนึกถึงพระคุณของบุพการีเป็นที่ยิ่ง…

 

กลับมาที่เรื่อง Cruella ของเราต่อ…

ค.ศ.1996 ดิสนีย์ก็ทำหนังชื่อเดียวกันออกมาเป็น live action คือใช้นักแสดงมาสวมบทบาท และตัวละครตัวนี้ก็มีสีสันและน่าจดจำด้วยบทบาทการแสดงของนักแสดงผู้เก่งกาจสามารถ คือ เกลน โคลส

ต่อมาอีกสี่ปีใน ค.ศ.2000 ก็มีภาคต่อมาในชื่อ 102 Dalmatians โดยเกลน โคลส ยังรับบทหญิงใจร้าย ครูเอลลา เหมือนเดิม

และแล้วก็มาปีนี้แหละที่ดิสนีย์หยิบเอาของเก่ามาพลิกแง่มุมให้เห็นอีกด้าน กลับด้านในเป็นด้านนอก แปลงโฉมตัวละครเสียใหม่ โดยเล่าเรื่องราวต้นเรื่องก่อนที่จะมาเป็น “ครูเอลลา” อย่างที่เรารู้จัก

เหมือนอย่างที่เคยทำประสบความสำเร็จมาแล้วโดยใช้แอนเจลีนา โจลี แต่งหน้าเสริมโหนกแก้มให้เป็นตัวละครที่มีชื่อบอกยี่ห้อความชั่วร้ายอย่างไม่มีอะไรเคลือบแคลง คือ “มาลิฟิเซนต์” หรือแม่มดใจร้ายใน “เจ้าหญิงนิทรา” หรือ Sleeping Beauty

ความเคลือบแคลงในความชั่วร้ายของตัวละครแบบ “ได้ใจ” หรือ “ชนะใจคนดู” นั้นกลายเป็นวัฒนธรรมมวลชนแบบหนึ่งที่คนสร้างหนังหันเหมาสนใจ เพื่ออธิบายว่าคนชั่วนั้นก็เคยมีความดีอยู่ในตัว แต่มักถูกสังคมหล่อหลอมให้เป็น

จนเกิดมี prequel หรือเรื่องราวก่อนที่จะกลายมาเป็นตัวละครที่เรารู้จักกัน อย่างเช่น Joker ใน Batman หรือแม้แต่ Darth Vader ใน Star Wars และอีกมากมายหลายเรื่องที่จำไม่หวาดไม่ไหว

 

Cruella ภาคใหม่นี้เริ่มตั้งแต่ตัวละครเพิ่งคลอดออกจากท้องใหม่ๆ เป็นเด็กผู้หญิงที่มีลักษณะแปลกประหลาด นั่นคือ ผมทั้งหัวแบ่งเป็นสองซีก ซีกหนึ่งขาว ซีกหนึ่งดำ

เด็กคนนี้ได้ชื่อว่า Estella ครั้นเมื่อเติบโตขึ้น เอสเตลลาก็ดูเหมือนจะมีนิสัยแปลกประหลาดสองซีกเหมือนกัน จนกระทั่งแม่เรียกเล่นๆ ล้อกับชื่อจริงว่า Cruella

ความประพฤตินอกรีตนอกรอยของเอสเตลลาทำให้ถูกไล่ออกจากโรงเรียน และแม่ต้องอพยพไปอยู่เมืองอื่น และนั่นพาหนูน้อยมาสู่โลกที่เธอตื่นตาตื่นใจเป็นครั้งแรกในคฤหาสน์ของดีไซเนอร์ชื่อดังของวงการแฟชั่นชั้นสูง ที่เรียกกันว่า บารอนเนส (เอ็มมา ทอมป์สัน)

บารอนเนสมีสัตว์เลี้ยงที่เธอบงการให้ทำอะไรต่อมิอะไรได้ด้วยเสียงนกหวีด สัตว์เลี้ยงของเธอคือสุนัขพันธุ์ดัลเมเชียนสามตัวที่ดุร้ายและไม่เป็นมิตร

เกิดเหตุที่ทำให้เอสเตลลาต้องกลายเป็นกำพร้า ตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดในลอนดอน และคบหามิตรสหายสองคนที่เป็นเด็กจรจัดลักเล็กขโมยน้อย

เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาของใครๆ เอสเตลลาซ่อนเอกลักษณ์ประจำตัวเธอไว้ด้วยการย้อมผมเป็นสีแดงทั้งหัวให้เหมือนกับคนทั่วไป

ด้วยพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่เกิด ความฝันของเธอคือการเข้าไปอยู่ในโลกของการออกแบบแฟชั่นชั้นสูง ซึ่งในระยะแรกเริ่ม เพื่อนรักของเธอทำให้เป็นจริงได้เพียงด้วยการจัดการให้เธอเข้าทำงานในห้างสรรพสินค้าใหญ่ในลอนดอน

 

งานแม่บ้านที่ต้องเช็ดถูทำความสะอาดเหน็ดเหนื่อยอยู่ทั้งวันไม่ได้ช่วยให้เอสเตลลากรายเข้าไปใกล้ความฝันของเธอเลย จวบจนเมื่องานจัดหน้าต่างร้านที่เธอทำเองโดยไม่ได้รับมอบหมาย ไปเตะตาบารอนเนสผู้เย่อหยิ่งเข้า จนจ้างเธอไปทำงานด้วย

แต่บารอนเนสก็ใช้งานลูกจ้างอย่างไร้มนุษยธรรม ด่าว่าอย่างสาดเสียเทเสียเมื่อไม่ได้ดังใจ และไม่ได้ให้โอกาสใครแสดงความสามารถเกินหน้าเกินตาเจ้านาย อีกทั้งยังอ้างเครดิตเป็นของตัวเองอย่างหน้าไม่อาย

เอสเตลลาสังเกตเห็นจี้ห้อยคอบารอนเนสและจำได้ว่าเป็นสายสร้อยของแม่เธอที่เธอทำหายที่คฤหาสน์ของบารอนเนส

เธอจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คืนมา…กลายเป็นแผนการพิสดารที่คิดเพื่อขโมยสร้อยคืน

และเกี่ยวพันกับการที่ดัลเมเชียนตัวหนึ่งกลืนสร้อยลงไปในท้อง ซึ่งทำให้เอสเตลลาต้องพยายามขโมยสุนัขทั้งสามตัวมา

นี่อาจเป็นต้นเหตุที่โยงตัวละครตัวนี้เข้ากับการมุ่งร้ายหมายขวัญจะกว้านลูกหมามาถลกหนังเอาไปทำเสื้อขนสัตว์ ซึ่งกลายเป็นแรงจูงใจสำหรับตัวละครตัวนี้ต่อมา

 

งานดีไซน์แฟชั่นของครูเอลลาสร้างความโด่งดังให้แก่เธอ ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนหลายคน รวมทั้งนักเขียนคอลัมน์หนังสือพิมพ์ซึ่งเคยเป็นเพื่อนสมัยเด็ก

ยังมีปมสำคัญในชีวิตของครูเอลลาซึ่งหนังจะเผยให้รู้จากปากคำของจอห์น (มาร์ก สตรอง) หัวหน้าพ่อบ้านของบารอนเนส

เป็นหนังที่มีการออกแบบโปรดักชั่นและเสื้อผ้าที่น่าตื่นตามาก รวมทั้งเพลงและดนตรีก็ดีมาก

คอสตูมดีไซน์เริ่ดหรูและหลุดโลก

จุดอ่อนคือบทหนังยังไม่ลงตัวนัก พล็อตเรื่องก็ออกจะวกวน สะเปะสะปะ และพัฒนาไม่ถึงที่สุด

โดยรวมๆ ก็คือเป็นหนังที่ดูได้ สนุกดีเหมือนกัน เหมือนเป็น “ขนมหวานให้แก่ตา” (eye candy) แต่เรื่องราวยังไม่ค่อยตราตรึงใจ…ไม่เหมือนกับ Maleficent ภาคแรก ซึ่งดีมาก จนมาเป๋และแป้กเมื่อมีภาคสองตามมา

เห็นว่าดิสนีย์เตรียมทำ Cruella ต่ออีกภาคแล้ว ก็คงจะได้ดูกันต่อไปว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลงไปอีก