สำเริงคดี : อันว่าครอบครัว (ลูก) / ทรงวาด

(ซ้าย) เคธี เพอร์รี่ (ขวา) มิรันดา เคอร์

 

อันว่าครอบครัว (ลูก)

 

เมื่อเดือนเมษายนนี้เอง แมงเมาธ์เข้าไปส่องในอินสตาแกรมดูเคธี เพอร์รี่ แชตกับมิรันดา เคอร์ เรื่องลูก

เคอร์เขียนว่า “ลูกๆ เป็นความรักหมายเลข 1 ของชั้น”

ตอนนี้เธอมีลูก 3 คนแล้ว ลูกชายคนโตฟลินน์ วัย 10 ขวบ เกิดกับออร์แลนโด บลูม

ส่วนลูกใหม่ 2 คน คือฮาร์ต 2 ขวบ และไมลส์ 1 ขวบ เกิดกับอีแวน สปีเกล ซึ่งเป็น CEO ของบริษัท SNAP INC.

“และการเป็นแม่ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลก”

“ช่าย มันเป็นงานที่ดีที่สุด และเติมเต็มให้เรายิ่งกว่าอะไรอื่น” เพอร์รี่สนับสนุน ยามนี้เธอมีลูกสาว 1 คนที่เกิดกับออร์แลนโด เมื่อเดือนสิงหาคมปีกลาย “ชั้นรู้สึกเหมือนได้มีโอกาสที่จะปีนเขาได้ทุกลูก โดยเฉพาะเหนืออื่นใด มันทำให้มีความฉลาดทางอารมณ์ ทางความคิด และทัศนะต่างๆ ไม่มีความรู้สึกใดเหมือนกับตอนที่ฉันได้ลูกสาว มันเหมือนกับว่าฉันได้รับความรักทั้งหมดทั้งมวลที่เคยเสาะหามา”

“มันคือเครื่องเปิดใจของเครื่องเปิดใจทั้งมวล” มิรันดาเห็นด้วย และเพอร์รี่ตบท้ายว่า “ความรักจากลูกนั้นคงที่และไม่มีเงื่อนไข มันไม่ขึ้นอยู่กับว่า คุณมีอะไร หรือไม่มีอะไร ทำอาชีพอะไร ผลิตอะไร และนั่นทำให้ฉันรู้สึกได้เติมเต็ม ได้รับรักที่ไม่สั่นคลอน แค่เป็นแม่แล้วมันก็จะเป็นไปเองตามธรรมชาติ”

นี่คือความรู้สึกดีๆ ของการได้มีลูก ได้เป็นแม่ แต่ภาระทางใจของแม่นั้นยังคงยืดเยื้อไปจนถึงวันที่ลูกเลือกอาชีพ ซึ่งจะอยู่กับพวกเขาไปกว่าครึ่งค่อนชีวิต

 

แคตเธอรีน ซีต้า โจนส์ เล่าว่า ลูกๆ ทั้งสองคน ไดแลน 20 และแครีส์ 17 ต่างอยากเป็นนักแสดง แม้เธอกับสามี ไมเคิล ดักลาส จะได้บอกเล่าถึงความกดดันนานาของชีวิตนักแสดงให้พวกเขาฟัง

“รู้มั้ย บางทีลูกน่าจะคิดถึงการทำอาชีพอื่นๆ บ้าง…เราเคยบอกลูกๆ แต่พวกแกก็ปักใจกับงานด้านนี้แล้ว ทุกปิดภาคฤดูร้อน ทั้งคู่ก็จะเลือกไปเข้าแคมป์การแสดงร่วมกับเด็กอื่นๆ จากบรอดเวย์ และพวกแกก็ทำได้ดีมากด้วย”

แคตเธอรีนกับไมเคิล ดักลาส

 

“เป็นเรื่องยากนะที่จะก้าวตามรอยเท้าของพ่อ ในเมื่อพ่อของคุณคือสปาร์ตาคัส” ไมเคิลบอก “ในทางหนึ่ง คนอาจคิดว่ามีประตูเปิดรอรับอยู่แล้ว แต่ที่จริงทุกคนต้องพิสูจน์ตัวเอง”

แคตเธอรีนแจงว่า เธอจะไม่ขัดขวางหากลูกๆ อยากมีอาชีพนักแสดงจริงๆ และเธอเห็น ‘แวว’ ในตัวพวกแกด้วยซ้ำไป “พวกแกฉลาด และเรียนประวัติศาสตร์กับการเมือง เหมือนๆ กันทั้งสองคน” ดาราสาวสายเลือดเวลส์พูดพลางหัวเราะ

ก่อนสรุปว่า “แกได้สมองไปจากฉันน่ะค่ะ”