ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 พฤษภาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
THE FATHER
‘ใบไม้ร่วง’
กำกับการแสดง
Florian Zeller
นำแสดง
Anthony Hopkins
Olivia Colman
Olivia Williams
Rufus Sewell
Imogen Poots
นอกจากเรื่องราวชีวิตในวัยไม้ใกล้ฝั่งที่เตือนใจให้นึกถึงสัจธรรมอันเที่ยงแท้ของความไม่เที่ยงของชีวิต ซึ่งทำให้ใครหลายคนต้องมองย้อนมาพิจารณาชีวิตของตัวเองด้วยความสะท้อนสะท้านสะเทือนใจแล้ว The Father ยังโดดเด่นด้วยการมีนักแสดงฝีมือเยี่ยมสองคนมาสวมบทบาทหลักอันแสดงความสัมพันธ์และความผูกพันในครอบครัว
สองนักแสดงฝีมือเก๋าคือ แอนโธนี ฮอปกินส์ และโอลิเวีย คอลแมน ซึ่งต่างก็แสดงฝีมือให้ประจักษ์ชัดมาแล้วด้วยรางวัลยอดเยี่ยมที่เคยได้รับและจะเป็นที่จดจำไปตลอด ฮอปกินส์ในบทไม่รู้ลืมของฮันนิบาล เล็กเตอร์ และคอลแมนในบทของราชินีในหนังเรื่อง The Favorite และในซีรีส์ The Crown
หนังสร้างจากบทละครชื่อเดียวกันของฟลอเรียน เซลเลอร์ ซึ่งเป็นผู้กำกับฯ เอง โดยร่วมเขียนบทหนังเองด้วย และเป็นบทหนังที่ได้รับรางวัลบทยอดเยี่ยมที่ดัดแปลงมาจากสื่ออื่น
อดไม่ได้ที่จะนึกถึงหนังฝรั่งเศสชื่อ Amour ซึ่งโด่งดังในแวดวงนานาชาติเมื่อเก้าปีที่แล้ว ในแง่ที่เป็นเรื่องของคนในวัยไม้ใกล้ฝั่งที่ชีวิตทั้งชีวิตกำลังจะมลายหายและกระจัดกระจายไปไม่เหลือแก่นสาร
เว้นจากประเด็นของการเผชิญหน้ากับโรคที่น่าขยาดของวัยชรานี้แล้ว หนังสองเรื่องก็ไม่มีอะไรเหมือนกันนัก โดยเฉพาะในแง่ของความสัมพันธ์ของตัวละคร
แต่หนังทั้งสองเรื่องก็เป็นเรื่องราวที่กระทบใจพอๆ กัน
ไม่ใช่หนังเศร้าที่บีบหัวใจให้ต้องร้องไห้สะอึกสะอื้นหรือปล่อยโฮๆ นะคะ แต่ก็ทำให้อึ้งไปนานหลังจากหนังจบนั่นแหละ
แอนโธนี (แอนโธนี ฮอปกินส์) ในวัยแปดสิบอาศัยอยู่ในแฟลตหรูหราของตัวเองในลอนดอน เขามีลูกสาวชื่อแอนน์ (โอลิเวีย คอลแมน) แวะเวียนมาดูแลและจ้างคนมาช่วยดูแลระหว่างวัน
เมื่อเปิดเรื่อง แอนน์ต้องเข้ามาจัดการแก้ปัญหาให้เพราะแอนโธนีเพิ่งไล่ตะเพิดคนดูแลไปโดยหาว่าขโมยนาฬิกาข้อมือของเขาไป แอนน์กำลังจะย้ายตามแฟนใหม่ไปอยู่ปารีสและต้องจัดการเรื่องพ่อซึ่งเริ่มจะมีอาการหลงๆ ลืมๆ และอารมณ์เสียบ่อยๆ ให้เรียบร้อย
ความโดดเด่นของหนังอยู่ที่การนำเสนอจากมุมมองของแอนโธนีเป็นส่วนมาก เราจึงสับสนไปตามตัวละครตัวนี้ว่าใครเป็นใคร และอะไรจริงอะไรไม่จริง
อาทิ แอนโธนีเดินไปเจอผู้ชายคนหนึ่ง (มาร์ก กาลิสส์) นั่งอ่านหนังสืออยู่ในบ้านและถามว่าเขาเป็นใคร เขาตอบว่าก็พอลไงล่ะ และเมื่อถามว่าเขามาทำไม เขาก็ตอบว่าเขาอยู่บ้านนี้มาสิบปีแล้ว และนี่เป็นแฟลตของเขา
เมื่อแอนโธนีเริ่มออกอาการคลุ้มคลั่ง ผู้ชายคนนั้นต้องโทรศัพท์ตามตัวแอนน์มาเพื่อยืนยัน และผู้หญิงที่กลับบ้านมา (โอลิเวีย วิลเลียมส์) บอกว่าเธอคือแอนน์ลูกสาวเขา และเธออยู่ในแฟลตนี้ตามลำพัง เนื่องจากหย่าขาดจากสามีมาห้าปีแล้ว
แอนโธนีงุนงงมากขึ้นทุกที เพราะเขาเพิ่งเห็นคนที่บอกว่าชื่อพอลรับถุงไปจากมือคนที่บอกว่าชื่อแอนน์ แล้วเดินเข้าไปในครัว
สิ่งหนึ่งที่แอนโธนีกังวลห่วงหาอยู่ตลอดเวลาคือนาฬิกาข้อมือของเขา ซึ่งเขาคิดว่าถูกขโมยไป ทั้งๆ ที่อันที่จริงเขาเก็บซ่อนไว้ในตู้ใต้อ่างอาบน้ำ
ผู้เขียนชอบองค์ประกอบของพล็อตในเรื่องนาฬิกาข้อมือนี้มาก เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้นึกไปถึงความหมายที่กว้างไกลเกินกว่านั้น จะเรียกว่าเป็นสัญลักษณ์ก็ได้ และเป็นสัญลักษณ์ที่ทำได้อย่างแนบเนียนประสานสนิทอยู่กับเรื่องราว
นาฬิกาเป็นสิ่งบอกเวลา และชีวิตเป็นการเดินทางในเวลา
แอนโธนีวิตกกังวลอยู่เสมอกับการถูกขโมยเวลาหรือการทำเวลาตกหล่นสูญหายหรือหมดไป เขาตระหนักว่าชีวิตเขาขึ้นอยู่กับเวลา ที่จะบอกได้ว่าตอนเช้าหรือตอนเย็น ตอนกินหรือตอนนอน แต่เขาก็สับสนเรื่องเวลาอยู่เสมอ บางครั้งเวลาก็หายไปโดยไม่รู้ตัวจากเช้าเป็นเย็น
ดังนั้น ประเด็นเรื่องการเปลี่ยนเสื้อจากชุดนอนเป็นชุดกลางวันจึงกลับมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ บางทีเขาก็บอกว่าจะต้องเปลี่ยนกลับไปกลับมาทำไม เพราะเดี๋ยวก็ต้องเข้านอนอีกแล้ว
ประเด็นที่ทำให้แอนโธนีสับสนวนเวียนอยู่กับเรื่องเพียงไม่กี่เรื่อง เช่น นาฬิกาข้อมือหายไปไหน คนแปลกหน้าที่เจอนั้นเป็นใคร ทำไมใครๆ จึงมาอยู่ในแฟลตของเขา ไก่ที่ลูกสาวซื้อมาอบเป็นอาหารเย็น รูปเขียนที่แขวนบนผนังห้องนั่งเล่นซึ่งเป็นภาพเขียนฝีมือลูกสาวอีกคนชื่อลูซี่ ซึ่งเขาไม่ได้เจอหน้ามานานแล้ว ฯลฯ
แอนโธนีเป็นชายที่น่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต ผู้เชื่อมั่นในตัวเองและภูมิใจว่าตัวเองเป็นคนฉลาดหลักแหลมเกินใคร ใครก็มาหลอกเขาไม่ได้ เขาจึงโกรธนักหนาเมื่อรู้สึกว่าโดนหลอก แต่มันสมองของเขากำลังทรยศ เขาสูญเสียอำนาจในการควบคุมชีวิตตัวเอง
สูญเสียความสามารถในการเข้าใจชีวิตว่าอะไรเป็นอะไร จากวิศวกรที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ท้ายที่สุดเขาก็กลับกลายเป็นเด็กน้อยที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง ร้องเรียกหาแม่ (ที่คงต้องเสียชีวิตไปนานแล้ว)
พร้อมกับความรู้สึกที่หลุดจากปากตัวเองว่า “ใบไม้ของเขากำลังร่วงไปหมด”
ถึงตรงนี้คงถึงบางอ้อแล้วนะคะ ว่าทำไมถึงได้จั่วหัวเรื่องไว้ว่า “ใบไม้ร่วง”
เป็นหนังที่แนะนำให้ดูอย่างยิ่งค่ะ
…เศร้า…แต่ไม่ได้เศร้าสลดรันทดท้อ…
…อึ้ง…แต่ไม่ได้หนักอึ้ง…
ชีวิตตั้งอยู่บนกาลเวลา และนี่คือความจริงของชีวิตที่ไม่มีใครบงการได้