ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 30 เมษายน - 6 พฤษภาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
NOBODY
‘พระเอกบู๊คนใหม่’
กำกับการแสดง
Ilya Naishuller
นำแสดง
Bob Odenkirk
Connie Nielsen
Aleksey Serebryakov
Christopher Lloyd
เลียม นีสัน มีคู่แข่งคนใหม่บนจอภาพยนตร์แล้วค่ะ
จากบทบาทของพ่อที่ห่วงใยลูกสาวซึ่งขอไปเที่ยวปารีสตามประสาวัยรุ่นที่หาประสบการณ์ชีวิตกับเพื่อน และถูกแก๊งอาชญากรลักพาตัวไปต่อหน้าต่อตาในระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์ข้ามทวีปกับพ่ออยู่ดีๆ…ที่จริงจะใช้สำนวนว่า “ต่อหน้าต่อตา” ก็ไม่ถูก ต้องใช้ว่า “ต่อหู” มากกว่า หรือไม่ก็บอกว่าเหตุทั้งหมดเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ โดยได้ยินกับหูทีเดียว…
เลียม นีสัน สร้างตัวเองเป็นพระเอกจอมบู๊ล้างผลาญบนจอภาพยนตร์ บินข้ามโลกมาตามหาตัวลูกสาว จากเงื่อนงำเพียงเลือนราง และแกะรอยไปจนถึงต้นตอ ซึ่งเป็นเครือข่ายค้ามนุษย์ระดับโลก
และทำให้เกิดหนังภาคต่อๆ มาของพระเอกบู๊คนนี้อีกหลายตอน ด้วยความฮิตระเบิดของหนังเรื่องแรกในชุด
คราวนี้ ฮัตช์ แมนเซลล์ (บ็อบ โอเดนเคิร์ก) กลายเป็นพระเอกจอมบู๊คนใหม่ที่ไล่เตะก้นผู้ร้ายแบบสะใจ ชวนให้คนดูเชียร์และเฮให้แก่ความเก่งกล้าสามารถของเขา
นี่เป็นหนังที่ชนะใจคนดูด้วยแคแร็กเตอร์ที่โอเดนเคิร์กสร้างขึ้นกับมือแท้ๆ
ผู้เขียนรู้จักบ็อบ โอเดนเคิร์ก จากหนังชุดหลายซีซันส์ที่สนุกสุดใจเรื่อง Breaking Bad ซึ่งเป็นเรื่องของครูสอนวิชาเคมีที่รู้ตัวว่ากำลังจะตายด้วยโรคร้าย และใช้วิชาที่ตัวเองเชี่ยวชาญผลิตยาไอซ์เพื่อหาเงินทิ้งไว้ให้ลูก-เมีย
แต่เมื่อก้าวเข้าสู่อบายภูมิเสียครั้งหนึ่งแล้ว การกลับสู่โลกของวิญญูชนย่อมเป็นไปโดยยาก ดังนั้น เขาจึงพาตัวเองลึกลงไปในโลกอันชั่วร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ
บ็อบ โอเดนเคิร์ก ไม่ได้เล่นเป็นตัวละครหลักของ Breaking Bad เขาเป็น “ซอล” ทนายความจอมกะล่อนแต่ก็ซื่อตรงต่อลูกค้า จนกลายเป็นตัวละครที่คนดูชื่นชอบและได้แยกออกมามีหนังชุดของตัวเองต่างหากในชื่อ Better Call Saul
สนุกมากอีกเหมือนกันค่ะ
ครั้งนี้บ็อบเล่นบทที่เป็นชื่อเรื่องเลย ซึ่งก็คือ Nobody อย่างที่เขาตอบคำถามของนักสืบที่ขอให้เขาให้ปากคำว่าเขาเป็นใคร (ถึงได้มีฝีมือร้ายกาจขนาดนั้น)
และเป็นโปรดิวเซอร์ของหนังเองเลย โดยที่ข่าวบอกว่าบ็อบได้ไอเดียของหนังมาจากประสบการณ์ส่วนตัวที่บ้านของเขามีขโมยขึ้นถึงสองครั้งและเขาไม่ได้ทำอะไรเพื่อป้องกันตัว…จนกลายเป็นไอเดียสำหรับหนังที่เขาจะเล่นเองในบทที่จะต้องสั่งสอนผู้ร้ายให้รู้ตัวซะมั่งว่า อย่ามาแหยมกับข้านะ…
เมื่อเริ่มเรื่อง ฮัตช์ใช้ชีวิตที่แสนจะจำเจวนเวียนอยู่กับการวิ่งไปทิ้งขยะไม่ทัน ทำให้ภรรยาอิดหนาระอาใจ ใช้บัตรผ่านแตะเครื่องไปทำงานในโรงงานประกอบเครื่องเหล็ก ออกกำลังกายด้วยการดึงตัวขึ้นบนบาร์ต่อหน้าภาพโปสเตอร์ของภรรยา (คอนนี่ นีลเซน) ที่เป็นนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์
จวบจนกลางดึก เขาตื่นขึ้นมาพบหัวขโมยสองคนในบ้าน ปฏิกิริยาของฮัตช์ที่มีในเหตุการณ์นี้มีรายละเอียดที่น่าคิดหลายอย่าง เช่น เขาสังเกตเห็นรูปสักบนข้อมือของโจร เขาเยือกเย็นพอจะคว้าไม้กอล์ฟไว้ในมือ แต่เมื่อลูกชายวัยรุ่นกระโจนเข้าไปล็อกตัวผู้ร้ายคนหนึ่งไว้ และเขากำลังจะสามารถฟาดไม้กอล์ฟใส่ผู้ร้ายอีกคนได้สบายๆ…แต่เขาก็ยั้งไว้ และยอมให้คนร้ายลอยนวลกลับไปด้วยเศษเงินเล็กน้อยและนาฬิกาข้อมือของเขา
ฮัตช์กลายเป็นที่ดูถูกดูแคลนของคนรอบข้าง ตำรวจที่มาเก็บหลักฐานก็บอกว่าเขาทำถูกแล้วละที่ไม่ได้ต่อสู้กับผู้ร้าย แต่ก็แถมท้ายว่าถ้าเป็นเขาละก็ จะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรกับครอบครัวแบบนั้นหรอก
ลูกชายฮัตช์ก็มองว่าพ่อแหย ขี้ขลาด และไม่เป็นแมนเอาเลย
แต่เมื่อลูกสาวตัวน้อยบอกว่ากำไลคิตตี้แคตหายไป และคิดว่าอยู่ในจานเศษเงินที่โจรปล้นไป ฮัตช์ก็ลุกขึ้นบอกว่า ให้พ่อจัดการเรื่องนี้เอง
ฮัตช์ไปสืบตามร้านสักหลายร้านในเมือง จนได้รู้ว่าคนที่มีรอยสักที่เขาเห็นนั้นบ้านอยู่ที่ไหน และตามไปจนเจอตัว
ฉากที่ฮัตช์จัดการสยบอันธพาลในร้านสักก็ทำให้เรารู้ว่าเขาต้องไม่ใช่ “โนบอดี้” แล้วล่ะ
และเมื่อตามไปจนเจอหัวขโมยที่ขึ้นบ้านเขา เขาก็ปล่อยไปอีกครั้งด้วยความมีมนุษยธรรม
ความเดือดดาลทั้งปวงอัดแน่นอยู่ในอกเมื่อเขานั่งรถประจำทางกลับบ้าน และเจอเข้ากับเหตุการณ์ที่ทำให้เขาถึงจุดระเบิด อันธพาลห้าคนขึ้นมาบนรถเมล์ คุกคามความปลอดภัยโดยเฉพาะของสาวน้อยที่เดินทางมาลำพังและตื่นกลัวกับสิ่งที่กำลังเผชิญ
ฉากที่ฮัตช์จัดการกับเหล่าอันธพาลด้วยมือเปล่า โดยควักปืนพกออกมาก่อน และต่อหน้าต่อตาผู้ร้าย เขาเอาลูกกระสุนออกจากรังหมดเกลี้ยงและโยนปืนทิ้ง ก่อนจะชาร์จเข้าไปโดนต่อยกลับให้กลับมาตั้งหลักใหม่…
และในที่สุด…ก็ทำให้เหล่าร้ายทุกคนลงไปหมอบอยู่กับพื้น รวมทั้งคนหนึ่งทำท่าจะสำลักเลือดในช่องคอตัวเองตาย แต่ด้วยความใจเย็นอย่างที่สุด ฮัตช์ก็หยิบหลอดดูดจากถ้วยเครื่องดื่มใกล้มือ เอามีดเจาะคอผู้ร้าย แล้วสอดหลอดเข้าไปช่วยการหายใจ…
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ เขาไม่ได้รู้เลยว่ากลุ่มอันธพาลพวกนั้นเป็นใครและเขากำลังจะต้องเจอกับอะไรต่อไปจากการกระทำครั้งนี้
เรื่องตัดไปสู่ “ยูเลียน” (อเล็กเซย์ เซเรบริยาคอฟ) เจ้าพ่อในวงการค้ายาของรัสเซีย ซึ่งหลงตัวเองอย่างที่สุดและโหดเหี้ยมที่สุด
หนึ่งในอันธพาลที่ฮัตช์จัดการจนต้องไปนอนหยอดข้าวต้มในโรงพยาบาลคือน้องชายของยูเลียน และเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่จะยอมให้ใครหน้าไหนมาลบหลู่ไม่ได้
ฮัตช์จึงต้องลุกขึ้นเผชิญหน้า เตรียมการป้องกันตัวด้วยมาตรการต่างๆ และจัดการกับกองทัพลูกน้องของยูเลียนแต่โดยลำพัง
…แต่ยังก่อนค่ะ ฮัตช์ไม่ได้เผชิญหน้ากับเหล่าร้ายโดยลำพังทีเดียวหรอก
เขามีผู้ช่วยคือ พ่อ (คริสโตเฟอร์ ลอยด์) ผู้เคยเป็นอดีตเอฟบีไอและเกษียณไปใช้ชีวิตยามชราอยู่ในบ้านพักคนชรา และน้องชายต่างมารดา แฮร์รี (RZA ดาราแร็พเปอร์ที่ใช้ชื่อเป็นตัวย่อที่อ่านว่า “รีซ่า” โดยไม่มีนามสกุล)
หนังไม่ได้สนใจหรือเสียเวลาอธิบายถึงความเป็นมาในอดีตของสามพ่อ-ลูกให้มากความ
แต่ทั้งสามผนึกกำลังกันต่อสู้เหล่าร้ายจนราบคาบ
ให้คนดูได้เชียร์ได้เฮกันอย่างสะใจโก๋
และหนังยังทิ้งท้ายที่ทำให้รู้ว่าจะต้องมีภาคต่อไปตามมาอย่างแน่นอน ถึงได้บอกไว้ในประโยคแรกไงคะว่า เลียม นีสัน มีคู่แข่งที่สูสีแล้ว