มองโลก-สิ่งแวดล้อม-สังคม แบบ “แคนแคน” เมื่อศิลปินสาวขอพักเบรก ไปหาประสบการณ์ใหม่

ออกมาเป็นศิลปินเดี่ยวเต็มตัวได้พักใหญ่แล้ว อดีตไอดอลสาว “แคนแคน” นายิกา ศรีเนียน และได้ปล่อยซิงเกิลของตัวเอง โดยเพลง “กลับมานะ” เป็นหนึ่งในซิงเกิลเพื่อแสดงถึงความสามารถในงานเพลงของตัวเอง

แม้ออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว แต่งานบันเทิงก็เข้ามาตลอดอีกทั้งตอนนี้ ในฐานะนักศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหิดล การเรียนถือว่าหนักไม่แพ้กัน ล่าสุดเมื่อมีนาคมปีที่แล้ว แคนแคนออกมาทวีตขอหยุดงานเพลงไม่มีกำหนด

แต่กระนั้น แคนแคนยังคงออกมาปรากฏตัวทั้งงานคอนเสิร์ตและออกสื่อแสดงความเห็นต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ตัวเองสนใจ

แฟนเพลงที่ติดตามมาตั้งแต่สมัยเป็นไอดอล ต่างหวังและรอคอยให้ “แคนแคน” กลับมาผลิตงานเพลงในแบบของตัวเอง

งานเพลงยังไม่เลิก แต่ขอพักก่อน

ล่าสุด “แคนแคน” ได้เปิดเผยความเคลื่อนไหว หลังเว้นวรรคงานเพลงของตัวเองมาได้เกือบปี ด้วยการตอบคำถามที่ว่า ทิ้งงานเพลงแล้วจริงหรือไม่?

ศิลปินสาวตอบว่า ยังไม่ทิ้ง พักไปฝึกฝนตัวเอง พักไปเรียนเพิ่มเติมและเรียนหนังสือเพราะตอนนี้เรียนปีสุดท้ายแล้ว จริงๆ มีหลายอย่างต้องทำ เลยคิดว่าพักด้านนี้ไปก่อน ไม่อยากทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน

เพราะจะไปไม่สุดซักทาง

แคนแคนยังเปิดเผยด้วยว่า ช่วงพักเป็นปี ก็มีโอกาสไปเดินแบบในต่างประเทศ ออกมาทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง

จนกระทั่งตอนนี้ก็กลับมาเข้าสู่กระบวนการทำเพลงสำหรับเพลงถัดไปไว้แล้ว แต่ก็ต้องดูตารางเวลาด้วยเพราะช่วงนี้ยุ่งมาก เลยทำให้ไม่มีเวลามาดูกระบวนการสุดท้ายในการทำเพลง

ก่อนหน้านี้ ซิงเกิลของตัวเองอย่าง “กลับมานะ” หรือ “สุดท้ายก็เธอ” แต่แคนแคนกล่าวว่า เพลงใหม่ล่าสุดที่จะออกมานี้เป็นแนวของตัวเองที่สุด ชัดขึ้นกว่าเดิม เหมือนตอนนั้นยังเป็นเพลงแรกๆ ที่แต่งเอง

แต่พอเวลาผ่านไป เข้าสู่กระบวนการทำเพลง ก็มีผิดเพี้ยนในรูปลักษณ์ไปบ้างจากที่เราต้องการ ในช่วงที่หายไปก็ไปศึกษา ค้นคว้าแนวของตัวเอง มีอ้างอิงมากขึ้น เอามาประยุกต์ใช้กับเพลงของเรา

และจะปล่อยภายในปีนี้

ศิลปินสาวรักษ์โลก
: จากการเรียนรู้ สู่การลงมือปฏิบัติ

ในฐานะศิลปินสาวที่มีความสนใจต่อประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงเพราะได้ศึกษาในสาขาวิชาที่ใกล้เคียงกันแต่ยังออกไปหาประสบการณ์ทั้งค่ายอนุรักษ์ หรือออกไปว่ายน้ำชมการดำรงชีวิตของฉลามวาฬในฟิลิปปินส์ช่วงเรียนแลกเปลี่ยนด้านภาษา

ปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ทั้งภาวะโลกร้อน ฝุ่น PM 2.5 หรือแม้แต่ไวรัสระบาดนั้น สำหรับแคนแคนแล้ว มนุษย์มีความเกี่ยวข้องที่ว่า มนุษย์ใช้ทรัพยากรเพื่อคงอยู่มากเกินไป เกินความจำเป็นเกินไป เลยเกิดปัญหาย้อนกลับเข้าหามนุษย์

“ถ้ามนุษย์ไม่คำนึงถึงเรื่องทรัพยากรบนโลก จะมีวันที่ใช้แล้วหมดลงไป มนุษย์จึงเป็นผู้ก่อปัญหาให้กับโลกในเรื่องต่างๆ ซึ่งสุดท้ายก็มาทำลายมนุษย์กันเอง” แคนแคนกล่าว

แคนแคนกล่าวถึงกรณีปัญหา PM 2.5 ว่า โอกาสมีน้อยมากที่จะเกิดจากธรรมชาติด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่เกิดจากการที่เทคโนโลยีพัฒนา เครื่องจักรอุตสาหกรรมเกิดขึ้นมากมายมหาศาล สังเกตได้ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะมีปัญหาพวกนี้ ประเทศจีนก็เคยเกิดขึ้น

ปัญหา PM 2.5 มีมานานแล้ว แต่ประเทศไทยเพิ่งจะเกิดขึ้นจากการสร้างรถไฟฟ้าหรือมีการพัฒนาช่วงนี้พร้อมๆ กัน

ประเทศจีนเคยเกิดหนักมาก จนทำให้พวกเขากลัว จึงตั้งกฎเกณฑ์ต่างๆ เช่น จะสร้างอะไร จากอะไร ต้องมีอายุการใช้งานเท่าไหร่ ซึ่งอาจนำมาใช้กับประเทศไทยได้ในอนาคต

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมนุษย์ แคนแคนมองว่า ถ้ามนุษย์คิดจะอยู่กับธรรมชาติหรือใช้ทรัพยากรอย่างพอดี เราจะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเพียงพอ เคยมีโอกาสได้ไปร่วมค่ายเรื่องช้างป่า ซึ่งมีความพยายามหลีกเลี่ยงในการใช้รั้วไฟฟ้า ไม่สร้างสิ่งกีดขวางช้างจนไม่สามารถไปหาแหล่งน้ำได้

เราอาจแก้ปัญหาด้วยการสร้างบ่อน้ำหรือจำลองบ่อน้ำเทียม เพื่อให้ช้างป่าไปบ่อน้ำได้ โดยไม่ต้องเป็นการรุกรานพื้นที่ชุมชน

 

ในช่วงที่ใช้ชีวิตในฐานะนักศึกษามหาวิทยาลัย แคนแคนยังต้องมีกระติกน้ำเป็นของตัวเองโดยไม่ผลิตขยะพลาสติก แคนแคนเล่าถึงการพกกระติกน้ำนี้ว่า เมื่อเรียนด้านสิ่งแวดล้อมมา เรามีความตระหนักในเรื่องนี้มากกว่าเพื่อนต่างคณะ นักศึกษาแต่ละคนในคณะจะมีขวดน้ำส่วนตัว

เมื่อไหร่ที่ถือขวดพลาสติกเข้าไปในคณะตัวเอง จะถูกสายตารอบข้างมองแบบกดดัน และทุกคนคอยแบ่งปันข่าวสารด้านสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นกุศโลบายเพื่อไม่ให้ใครใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองหรือก่อปัญหาโลกร้อน

พอเรียนคณะนี้ก็ไม่กล้าใช้ถุงพลาสติกอีกเลย ไม่กล้าใช้อะไรที่ก่อให้เกิดขยะ แต่พยายามลดจำนวนวัสดุที่ย่อยสลายได้ยากให้มากที่สุด

แม้รู้สึกเป็นการสร้างแรงกดดันทางสังคม แต่ก็ทำให้เรามีตัวตนขึ้นมา ทำให้คนรู้ว่า เรามาจากที่ไหน แต่ก็เป็นไอเดียให้เพื่อนต่างคณะตระหนักถึงความสำคัญ และสามารถส่งต่อให้กับทุกคนได้

 

“นายิกา” คือชื่อจริงของแคนแคน ที่แปลว่า “นายกหญิง” แม้จะไม่มีความสนใจเรื่องการเมือง แต่เมื่อถามว่าหากมีโอกาสบริหารประเทศหรือดูแลด้านสิ่งแวดล้อม แคนแคนกล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนที่ควรทำคือการแก้ไขอีไอเอ (EIA-การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) เพราะว่ามีปัญหาฝุ่น PM 2.5 กันอยู่

ในมุมมองส่วนตัว เกิดจากความหละหลวมในการทำอีไอเอ การก่อสร้าง โครงการบางอย่างหรือตึกบางหลัง เหมาะสมในการสร้างขึ้นตรงนั้นหรือไม่

อาจต้องมีกฎหมายที่ควบคุมให้เข้มงวดมากขึ้น จะต้องผ่านตามขั้นตอน 1…2…3 ซึ่งอยากให้แก้ไขตรงนั้น แต่ว่าสำหรับเมืองไทย ปัญหาได้เลยมาไกลแล้ว

ทั้งที่จริงควรแก้ตั้งแต่สิ่งที่จะก่อสร้างขึ้นมามากกว่า บริษัทต้องเขียนยังไงให้โครงการผ่าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

การออกมาให้ความสนใจในการทำกิจกรรมด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม อาทิ ค่ายอนุรักษ์หรือค่ายสอนหนังสือให้เด็กในต่างจังหวัดในช่วงพักงานเพลง สำหรับแคนแคนถือว่าทำด้วยใจรักและได้เรียนรู้ ซึ่งถือว่าได้อะไรกลับมาด้วย และเติมเต็มความต้องการในหัวใจ

“มีโอกาสสอนหนังสือให้น้องๆ แล้วน้องคนหนึ่งโดนเพื่อนแกล้ง เอารองเท้าไปซ่อน จนสุดท้ายตัวเองต้องยกรองเท้าให้น้องคนนั้นไปใส่ เรื่องนั้นกลับทำให้รู้สึกดีถึงการให้ และคิดว่าน้องที่ได้รับจะรักษาและรักมากขึ้น” แคนแคนกล่าวถึงประสบการณ์ที่หาได้ยาก

นอกจากนี้ แคนแคนยังกล่าวว่า ตัวเองยังได้พบเพื่อนร่วมกิจกรรม ซึ่งทำให้ได้เรียนรู้และพัฒนางานของตัวเอง

การเข้าสู่วงการเพลงอินดี้ ก็ได้มาจากการเข้าค่ายนั้นเอง ถือว่าได้อะไรเยอะมากจากการเข้าค่าย

 

ชีวิตของศิลปินสาวจากโลกใบหนึ่ง โลกของเสียงเพลง การเป็นไอดอลวงดัง สู่การเป็นศิลปินเดี่ยว กับการก้าวสู่โลกอีกใบ ในด้านกิจกรรมเพื่อสังคมที่เปิดมุมมองใหม่ สำหรับแคนแคนแล้ว โลกสองใบนี้ให้สังคมที่ไม่ก่อเกิดมลพิษ ในด้านงานเพลง ได้ให้สังคมที่ช่วยเหลือกัน พบรุ่นพี่ที่ทำเพลงเหมือนกัน แม้แต่จบด้านดนตรี แต่ก็ได้โอกาส มีคนช่วยแนะนำขัดเกลา พวกเขาจะเปิดรับและคอยสอน และยังมีคนในวงการชวนไปแจมงาน ถือเป็นสิ่งที่ทำให้ได้ฝึกฝนโดยไม่ต้องเสียเงิน ส่วนการทำกิจกรรม ก็ได้รับความเอ็นดูจากรุ่นพี่ในวงการ แม้เราอาจไม่ได้เก่งด้านเพลง แต่เราอาจโดดเด่นด้านสอนภาษา ก็ส่งต่อให้เด็กที่อยากเรียนรู้

แม้โลกสองใบนี้อาจดูต่าง แต่เป็นสิ่งที่ได้มาทั้งคู่

ทั้งนี้ แคนแคนฝากขอบคุณแฟนเพลงที่ยังคอยอยู่สนับสนุน ห่วงใยกัน ทั้งในเวลาที่ท้อ ทุกข์ใจ

แค่พวกเขายังอยู่กับเรา ก็เป็นสิ่งที่สนับสนุน เราได้รับรู้พลังบวกนี้ด้วย