คุยเรื่อง “บูลลี่” ยุคโซเชียลมีเดียดุเดือด! กับ คำขอร้องของ “ปันปัน” อย่าอิจฉากันได้ไหม

นับวันปัญหาที่เกิดจากการกลั่นแกล้ง ทำร้ายกัน หรือที่เรียกว่าการบูลลี่นั้น ส่งผลร้ายให้เห็นไม่ได้หยุด และยิ่งเทคโนโลยีพัฒนา จนใครๆ ก็สามารถสื่อสารกันได้ โซเชียลบูลลี่ก็ยิ่งเติบโตแบบเห็นๆ

คนธรรมดาสามัญ หลายคนเจอ และแน่นอนว่า ดารา นักร้อง คนดังผู้อยู่ในแสงสปอตไลต์ก็เจอเหมือนกัน หนำซ้ำอาจจะเจอมากกว่า ค่าที่อยู่ในจุดซึ่งเป็นที่จับจ้องของใครๆ

พอคุยเรื่องนี้กับปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์ เจ้าตัวบอกทันที “เอาจริงๆ ปันโดนทุกวันเลยนะ”

“ทุกวัน ทุกเวลา” ว่าแล้วก็หัวเราะ

อย่างไรก็ตาม เท่าที่ฟัง เสียงหัวเราะนั้นไม่ได้เกิดจากความรู้สึกขำ

“คนด่าแล้วเขาสนุกไง สนุกปาก ส่วนเราก็โดนวิจารณ์ไปเรื่อยๆ ถ้าเราไม่สวยที่สุด ไม่ผอมที่สุด ไม่ขาวที่สุด ยังไงคนก็ด่า แล้วถามว่าในโลกนี้ มีใครที่สวยที่สุด ขาวที่สุด ผอมที่สุด สำหรับทุกคนหรือ”

“ไม่มีไง เลยต้องโดนไปแบบนี้”

ประสบการณ์ที่เคยเจอนั้น นักแสดงวัย 22 ปี บอกว่ามีหลากหลาย “ช่วงหนึ่งที่อ้วน คนก็ด่า อ้วนจัง ไม่สวยเลย น่าเกลียด”

ซึ่งอยากจะย้อนถาม “แล้วยังไง”

“กินแล้วมันก็อ้วน แล้วจะทำไม จะหนักหัวอะไรใคร เข้าใจไหมคะ”

“พอไปทำจมูก คนก็ด่า น่าเกลียดมาก หน้าเหมือนแม่มดเลย”

ไปเป็นอาสาสมัครสอนหนังสือก็ยังโดน

สิ่งที่ปันปันสรุปจึงเป็นถ้อยความที่ว่า ทำอะไรก็โดนด่าไปหมดแหละ

“เพราะฉะนั้น สุดท้ายแล้วเราต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับ และปล่อยผ่านไป คนพวกนี้ก็หลังคีย์บอร์ด ปันอยากให้เดินมา แล้วว่าปันตรงๆ ด่าเราต่อหน้า ถ้าอย่างนั้นเราคงจะมีรีแอ๊กชั่นที่ตรงกว่านี้ ถ้าด่าอยู่ข้างหลัง เราก็แค่เลื่อนผ่าน”

อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะเรียนรู้เช่นนี้ เธอก็เคยเสียใจและร้องไห้หนักๆ มาก่อน

“สมัยเด็กๆ สมมุติมีคนพูดถึงเรา 10 คน 8 คนไม่ได้อะไร มีด่าแค่ 2 คน เราก็เสียใจมากเลยนะ ร้องไห้ ว่าทำไมคนนั้นต้องด่าเรา ทำไมเขาไม่รักเรา อีก 8 คนนี่เราไม่สนใจเลย”

“แต่ว่าตอนนี้ที่ได้บทเรียนมา คือเราต้องมองสิ่งที่ดี ก็เรียนรู้ว่า 2 คนที่มาด่า หรืออีกไม่รู้กี่คนที่มาแนวบูลลี่ ต้องปล่อยผ่าน”

“จริงๆ เราก็เป็นคนธรรมดา ก็เคยทำอะไรผิด เพียงแต่สิ่งที่เราทำผิด คนดันรู้ แต่ถามว่าใครไม่เคยทำผิด ใครไม่เคยไม่ล้มบ้าง มันคือขั้นตอนของการเติบโตทั้งนั้น เราต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับ และข้ามผ่านมันไปให้ได้ ถ้าข้ามไม่ได้ เราก็ติดอยู่ตรงนั้น”

หากถึงจะรู้ในด้านทฤษฎี แต่ในการปฏิบัติ ปันปันก็ว่า “การข้าม” ไม่ใช่จะง่าย เธอเองจึงใช้เวลาเป็นปีๆ กว่าจะสำเร็จ

“ถามว่าปันผ่านไปได้อย่างไร ก็คงขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ที่ได้ผ่านมรสุมชีวิตมาหนักประมาณหนึ่ง จนถึงจุดที่เรียนรู้ ว่าต้องลองมองไปรอบๆ…”

มองแล้วก็เห็นคนรอบข้างที่ดี คนที่โอเคกับความเป็นปันปัน

“เราไม่รู้หรอกว่าลับหลังเขาจะเป็นอย่างไร แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าเบื้องหน้าเขาโอเค เราก็เลือกรับเฉพาะมุมที่ดีๆ เอาไว้ อย่าไปอะไรเยอะในเบื้องหลังที่เราไม่รู้ แค่มองตรงหน้า ว่ามันดี”

แค่นั้นก็พอ

ส่วนเรื่องที่หลายฝ่ายพยายามรณรงค์ให้โลกนี้ไม่มีโซเชียลบูลลี่นั้น ปันปันบอกเลย “หยุดไม่ได้หรอก”

“รณรงค์ไปก็หยุดได้แค่แป๊บเดียว สุดท้ายแล้วมันเป็นธรรมชาติของคน ที่เวลาด่าคนอื่นแล้วตัวเองจะรู้สึกดีขึ้น”

“นี่คือความหมายของคำว่าอิจฉาริษยา พอเห็นคนที่ดีกว่า ก็เลยไปด่าเขา พยายามไปดึงเขาลงมา”

“ถ้าเกิดว่าสามารถเห็นคนที่ดีกว่าเรา สวยกว่าเรา แล้วไม่รู้สึกอะไรเลย แค่นั้นมันก็ไม่เกิดการบูลลี่”

“แค่นั้นเลย”

“แค่ชื่นชมกัน หรือแค่ไม่รู้สึกอะไรเลยก็ได้ ไม่ต้องชม แล้วก็ไม่ต้องบูลลี่ แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้วนะ”

“คนเรามันต้องมีข้อดีของแต่ละคน เราต้องเรียนรู้แบบนั้น ต้องเลิกเปรียบเทียบตัวเองกับทุกอย่างบนโลกใบนี้ เพราะถ้าเราเปรียบตัวเองกับทุกอย่างบนโลก ก็ลงดินไปเถอะ บนโลกนี้มีกี่ล้านคน ทุกคนต้องมีที่ดีกว่าเราอยู่แล้ว สวยกว่าเรา ขาวกว่าเรา เยอะมาก แต่เราเกิดมาเป็นเรา เปลี่ยนชีวิตไม่ได้แล้วน่ะ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะรับมันให้ได้”

ปันปันยังบอกอีกว่า ถ้าเธอสามารถพูดอะไรกับคนชอบบูลลี่เหล่านั้นได้ก็อยากจะบอกพวกเขาว่า “เขาเองก็เป็นคนมีตัวตน เป็นคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตในสังคม ทำมาหากิน เรียนหนังสือ แต่เขาอาจไม่ได้มองถึงข้อดีนี้ในชีวิต วันๆ แค่เห็นว่าวันนี้คนอยู่ในสปอตไลต์เขาสวย เขาเก่ง ด่าเขาดีกว่า แต่ว่าไม่ทำตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งถ้าไม่ทำตัวเองให้ดีขึ้น ก็จะไม่มีวันดี”

“ถ้าเอาแต่ด่าคนอื่น ก็ถือว่าสนใจแต่เขา สู้เอาความสนใจนั้นมานั่งชมตัวเอง มาพัฒนาตัวเองดีกว่าไหม”

“เราทุกคนมีข้อดีของตัวเอง มองให้มันดี แล้วมันก็จะดีขึ้น”

อย่าไปบูลลี่คนอื่นเลย ได้ไหม?