เรื่องไม่อยากและไม่ยอม รางวัลและพลังต้าน ของ ‘โอ อนุชิต’

ที่ผ่านมาจากการมีโอกาสคุยกับโอ-อนุชิต สพันธุ์พงษ์ หลายครั้ง แต่เพิ่งจะมีครั้งนี้ล่ะ ที่รู้สึกว่าเขาออกอาการ…

“ตื่นเต้นมากเลย” เขาบอก และใช่, นั่นล่ะที่เรารู้สึก

ทั้งนี้ โอซึ่งเพิ่งได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยม ไนน์เอ็นเตอร์เทนอวอร์ด 2019 จากผลงานละครเรื่อง “กาหลมหรทึก” บอกว่า ที่เป็นเช่นนั้นเป็นเพราะเขาได้เจอเรื่องราวดีๆ ที่คิดไม่ถึง

“เอาแค่ตอนแรกที่ได้เข้าชิง เราก็รู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นนักแสดงนำมานาน แล้วยังมีรางวัลนี้ รางวัลที่นักแสดงทุกคนมีสิทธิที่จะได้ แค่คุณตั้งใจทำงาน และคุณทำมันออกมาได้ดี คุณเชื่อในการแสดง เชื่อในการทำงาน เชื่อในสิ่งที่คุณกำลังทำ มันก็ทำให้รู้สึกว่า ดีจัง”

“มันเป็นกำลังใจก้อนใหญ่ๆ เลย ในวันที่…” พูดถึงตอนนี้เสียงเขาก็สั่น จากนั้นบทสนทนาก็ชะงักไปชั่วขณะ เหมือนเจ้าตัวพยายามสะกดความรู้สึก

ก่อนจะค่อยๆ เรียบเรียงคำ เพื่อเผยความรู้สึกต่อ โดยว่า “สำหรับเรา พอเป็นนักแสดง แล้ววันหนึ่งเริ่มประสบความสำเร็จ เรารู้สึกว่านั่นคือการเริ่มนับถอยหลัง”

ที่พูดอย่างนั้น เพราะสิ่งที่เขาได้ทราบ จากการเฝ้าสังเกตคือ “เราไม่ได้เห็นนักแสดงรุ่นใหญ่ๆ ได้บทดีมากนัก”

“แล้วเราไม่มีทางรู้หรอกว่า วันไหนเราจะประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้น เราจะนึกไม่ออกว่าจะเริ่มกดปุ่มนับถอยหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ เราบอกตัวเองไม่ได้ ว่าเราประสบความสำเร็จหรือยัง ก็คิดว่ายังมั้ง เราน่าจะดังได้มากกว่านี้แหละ จนวันหนึ่ง เราจะรู้เองว่า ไอ้ที่ดังที่สุดของคุณน่ะผ่านมาแล้ว”

“แล้วก็จะเริ่มรู้แล้ว ว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงนับถอยหลัง”

ครั้นถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ว่าเขาเริ่มนับถอยหลังให้ตัวเองจริงๆ แล้วหรือ?

โอในวัย 40 ปี ก็ว่าเอาเข้าจริง มันน่าจะเริ่มมาตั้งแต่ตอนภาพยนตร์เรื่อง “โหมโรง” ด้วยซ้ำ

“จริงๆ ครับ โอรู้สึกว่าไม่น่าจะพีกได้มากกว่านั้น”

ขณะเดียวกันเมื่อหันมาเล่นละคร ได้เห็นบทที่มีคนส่งมาให้พิจารณา “มันทำให้รู้แหละว่าเราอยู่ในระดับไหน ตำแหน่งไหน เพราะฉะนั้น ก็ไม่ได้คาดหวังอะไร”

ไม่เพียงแค่นั้น เพราะเขาเสริมด้วยว่า การได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ยังเป็นตัวช่วยยืนยันความคิด

“ช่วงที่เข้าวงการใหม่ๆ ยังได้เข้าชิงอยู่บ่อยๆ พอวันหนึ่งไม่ได้เข้าชิง ก็เริ่มคอนเฟิร์มตัวเองไปเรื่อยๆ”

รางวัลนักแสดงชายแห่งปีที่เพิ่งได้มา จึง “เกินฝันมากๆ ในวันที่โอทำความเข้าใจไปเรียบร้อย ว่าเราคงค่อยๆ ตกลงแล้ว”

ส่วนรางวัลนี้จะทำให้เขาเปลี่ยนความคิด และรู้สึกว่า ได้กลับมา “เดินหน้า” อีกครั้งไหม โอบอก คงไม่ขนาดนั้น

แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกมีพลัง

“ต่อให้ถึงเวลานี้ แล้วมันถอยหลังจริงๆ เราก็ยังมีแรงที่จะต้านอยู่ ไม่ได้ปล่อยให้เป็นทางลง หรือไปตามทางลาด”

“รู้สึกว่ารางวัลเป็นเหมือนเชื้อเพลิง”

“เราอาจจะเป็นเป๊ก ผลิตโชค ของวงการการแสดงก็ได้” พูดแล้วเขาก็ยิ้ม แล้วออกตัวตามมาว่า “อันนี้ล้อเล่นนะครับ”

ในส่วนรางวัลซึ่งใครต่อใครพากันร่วมแสดงความยินดี โอบอกว่า สำหรับเขามันมีเรื่องน่าแปลกใจประการหนึ่ง นั่นคือท่ามกลาง “ข้อดี” ที่มีผู้เห็นความสามารถ กลับมี “ข้อเสีย” มาปะปน

อย่างเช่น เชื่อไหมว่าในปีนี้ที่เขาได้รับรางวัลจากภาพยนตร์เรื่อง “มะลิลา” มา 7 รางวัล “แต่มีงานแสดงน้อยลงไปเยอะเลย”

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเข้าใจ (ไปเอง) ของคนอื่น ที่คิดว่า ต่อจากนี้เขาคงไม่รับบท “ธรรมดาๆ” ซึ่งไม่ใช่

“โอยังคงเล่นบทธรรมดาอยู่” เขาขอประกาศ

เหตุที่ต้องออกตัวแรงอย่างนั้น โอว่าเป็นเพราะหลายครั้งเวลาคุยกับคนที่เสนองาน จะได้ยินถ้อยความประเภท “ไม่คิดว่าโอจะรับบทธรรมดา”

“จะมีคำพูดว่า ถ้าไม่เล่นบอกได้นะ เพราะบทมันไม่มีอะไรเลย ซึ่งเราก็บอกว่าอยากเล่นนะครับ ขอเล่น เดี๋ยวจะพยายามเล่นให้มีอะไรก็ได้”

“มันทำให้รู้สึกเหมือนกันว่าเราได้รางวัลเยอะขึ้น ก็น่าจะทำให้มีคนติดต่อมาเยอะขึ้น แต่สิ่งที่ออกมาเหมือนจะสวนทาง แต่ก็เข้าใจนะ เข้าใจเลย ที่ต่างประเทศก็มี บางคนได้รางวัลออสการ์แล้วหายไปเลยก็มี คิดว่าเขาคงมีแนวคิดคล้ายๆ กันมั้ง ว่ารางวัลจะทำให้นักแสดงอิ่ม”

ซึ่ง “เราอิ่มใจก็จริงนะครับ อิ่มมาก แต่เราต้องอิ่มข้าวด้วย” พูดแล้วก็หัวเราะ

กับงานต่างๆ (ถ้า) จะมีเสนอมา โอบอกว่า หลักการแรกในการตัดสินว่าจะรับหรือไม่ของเขา อยู่ที่ว่า มันจะสนุกไหม?

“ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวละครที่สำคัญในเรื่อง ไม่จำเป็นเลย แต่ต้องมีความน่าสนุกอยู่ในนั้น”

อื่นใดในรายละเอียด คงอธิบายยาก แต่เอาเป็นว่า ณ ขณะนี้ที่เขาตระหนักคือ “เราเรียนรู้ว่ายิ่งอายุมากขึ้น เรียนรู้โลกมากขึ้น เราจะเลือกมากน้อยลง”

“เมื่อก่อนเราเคยเลือกกิน แต่ตอนนี้อายุเยอะแล้ว รู้ว่าอะไรที่มีประโยชน์กับเรา เราจะไม่เลือกกินได้มากขึ้น”

“การงานก็คงจะเลือกทำอะไรที่ไม่เคยทำ บทอะไรที่ไม่เคยเล่น ก็อยากเล่น”

“กับคนที่มาติดต่อ ที่บอกไม่เคยคิดเลยว่าบทแบบนี้โอจะอยากเล่น หรือเล่นได้ ก็ช่วยคิดถึงเรานิดนึง เพราะเราก็อยากเล่นบทที่ธรรมดา เบาๆ บ้าง สนุก คอเมดี้นิดๆ”

“เข้าใจคนดูนะครับ ว่าเขาคาดหวังอยากจะเห็นเราเล่นหนักๆ ดาร์ก แต่ถ้าเราเล่นแต่บทหนักๆ คนดูก็อาจจะไม่ลุ้นกับเราหรือเปล่าในเรื่องต่อๆ ไป”

ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อยาก และจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นเลยจริงๆ