ขอแสดงความนับถือ

ขอแสดงความนับถือ

 

ยุทธบทความ ของ “สุรชาติ บำรุงสุข” ใน “มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับนี้ น่าสนใจยิ่ง

น่าสนใจด้วยเป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566

ซึ่งอาจารย์สุรชาติมองว่า ผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น

เป็นความ “ท้าทายอย่างมาก”

ท้าทายว่า ฝ่ายอนุรักษนิยม จะยังคงอำนาจของคณะรัฐประหารไว้ภายใต้กรอบการเมืองแบบการเลือกตั้งต่อไปได้หรือไม่

หลังจากที่เมื่อการเลือกตั้งปี 2562

คณะรัฐประหารประสบความสำเร็จในการสืบทอดอำนาจ

จาก “รัฐบาลทหารแบบยึดอำนาจ” ไปสู่การเป็น “รัฐบาลทหารแบบเลือกตั้ง” นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ทำให้เกิด “ระบอบประยุทธ์” (The Prayuth Regime) ขึ้นในการเมืองไทย

และวันนี้ประกาศ ทำแล้ว ทำอยู่ และจะทำต่อ

 

อาจารย์สุรชาติชี้ว่า ระบอบประยุทธ์ พยายามหยั่งราก ฝังลึกในสังคมไทย ภายใต้เงื่อนไขสำคัญ 9 ประการ คือ

1) การดำรงบทบาททหารไว้ในการเมือง

2) การดำรงทิศทางของการพัฒนาประเทศ ด้วยการออกข้อกำหนดที่เรียกกันว่า “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี”

3) การดำรงอำนาจ ด้วยการสร้างและออกแบบรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อควบคุมทิศทางทางการเมือง และปกป้องรัฐบาล

4) การดำรงการควบคุมทางการเมืองผ่าน “องค์กรอิสระ”

5) การขยายบทบาทของทหารในสังคม ผ่านการออกกฎหมาย กอ.รมน.

6) การสร้างความอ่อนแอด้วยวิธีการต่างๆ ให้เกิดแก่ระบบรัฐสภา

7) การด้อยค่าระบอบประชาธิปไตย และลดทอนบทบาทของพรรคการเมือง

8) การสร้าง “รัฐราชการอำนาจนิยม” อาศัยกลไกราชการเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนประเทศ

9) เป็นศูนย์รวมของบรรดากลุ่มปีกขวาที่ต่อต้านประชาธิปไตย และไม่ยอมรับกลุ่มนิยมทักษิณ

ระบอบประยุทธ์จึงไม่ธรรมดา

และปัจจุบันปรากฏตัวในนาม “พรรครวมไทยสร้างชาติ”

ที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และระบอบประยุทธ์ ต่อไป

แต่กระนั้น จากผลโพลและการประเมินผลการเลือกตั้ง ที่ปรากฏออกมา

ดูเหมือนพรรครวมไทยสร้างชาติ จะไม่เปรี้ยงปร้างตามที่คาดหวัง

จึงเป็นความท้าทายที่ พล.อ.ประยุทธ์ และฝ่ายสนับสนุน ที่แม้จะ “ลงทุน” ไปมากมายในห้วง 9 ปีที่ผ่านมา จะแก้เกมในโค้งสุดท้ายอย่างไร

เพื่อมิให้การกุมอำนาจรัฐมาอย่างยาวนานเกือบทศวรรษสะดุดหยุดลง

เพราะนั่นย่อมมิใช่การสิ้นอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น

หากแต่เป็นการยุติลงของระบอบประยุทธ์ อันเสมือนเป็นตัวแทนของปีกอนุรักษนิยมด้วย

 

ซึ่งนี่อาจนำไปสู่สิ่งที่ “เหยี่ยวถลาลม” ถามไว้ในคอลัมน์ หน้า 82

คือฝ่ายที่เพลี้ยงพล้ำ “จะทำอย่างไรต่อไป” ถ้าผลการเลือกตั้งออกมาชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินเช่นนั้น

ทั้งนี้ “เหยี่ยวถลาลม” ชี้ชวนให้ย้อนกลับไปดู “แผนประทุษกรรม” เดิมๆ ที่ผ่านมา

คือจะพบว่า ฝ่ายกุมอำนาจเดิม นั้นมักจะงัดไม้ตายออกมาใช้

นั่นคือกลยุทธ์ทำลาย

“เหยี่ยวถลาลม” มีภาพของพรรคอนาคตใหม่ผุดขึ้นมา

พรรคอนาคตใหม่ ก่อตั้งเมื่อ 15 มีนาคม 2561 เป็นทางเลือกให้กับคนรุ่นใหม่

อายุเพียงแค่ปีเดียว “อนาคตใหม่” ก็ชนะเลือกตั้งท่วมท้นกลายเป็นพรรคใหญ่อันดับ 3 ได้ผู้แทนฯ ถึง 81 คน

ในวันนั้นพรรคอนาคตใหม่ต้องฝ่าด่านผ่านกระบวนท่าการเมืองที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน

จนถูกสั่งยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค

หลังจากนั้น ส.ส.จำนวนหนึ่งย้ายพรรค ห้ำหั่นกันจนสุดท้ายเหลือ ส.ส. 55 คน สืบเนื่องถึงวันนี้ภายใต้ชื่อ “พรรคก้าวไกล” มี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นหัวหน้าพรรค

ปัจจุบัน “ก้าวไกล” กำลังมีกระแสความนิยมพุ่งทะยานนำโด่งจากโพลทุกสำนักในวันนี้

ก้าวไกลจะต้องเผชิญกับอะไรหลังจากนี้

เป็นคำถามที่น่าสนใจ

แต่สำหรับ “เหยี่ยวถลาลม”

แลเห็นภาพเก่าๆ ในอดีตผุดพรายขึ้นมาอีก–จริงหรือ!?! •