ขอแสดงความนับถือ/ฉบับประจำวันที่ 24-30 ธันวาคม 2564

ขอแสดงความนับถือ

 

อีก 2สัปดาห์ ปี 2564 จะผ่านไป

โลก นอกจากถูก “โอไมครอน” เขย่าอย่างหนักแล้ว

เรายังสัมผัสได้ถึงความร้อนแรง ดังบทความพิเศษของ จักรกฤษณ์ สิริริน หน้า 37

“เดือดยิ่งกว่า โลกร้อน

เมื่อ BRI ของจีน

เจอ B3W ของมะกัน”

 

BRI คือ นโยบาย The Belt and Road Initiative (BRI) หรือ The Silk Road Economic Belt and The 21st Century Maritime Silk Road เส้นทางสายไหมในศตวรรษที่ 21 อันลือลั่นของ “จีน” ในนาม One Belt One Road หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง

ที่ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” แห่ง “สาธารณรัฐประชาชนจีน” เสนอโครงการดังกล่าวผ่าน 3 แผนงาน

  1. แผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงระหว่างประเทศ การจัดสรรแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดตั้ง “ธนาคารเพื่อการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย” และ “กองทุนเส้นทางสายไหม”
  2. แผนการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
  3. แผนการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

BRI นำไปสู่ “ภูมิรัฐศาสตร์โลกใหม่” ที่ดุเดือดยิ่งกว่าวิกฤต “โลกร้อน”

โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา มิอาจนิ่งเฉย

จึงต้องเข็น B3W ออกมาสู้

 

B3W เป็นแนวคิดของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา “โจ ไบเดน” ที่หยิบเอา “การพัฒนาโลกสีเขียว” ที่ผลักดันการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการ Build Back Better World (B3W) มาสู้ BRI ของจีน

B3W คือความร่วมมือของนานาชาติ ที่จะร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็น “ศูนย์” ภายในปี ค.ศ.2050

B3W คือการลงทุน “เศรษฐกิจสีเขียว” แบบโปร่งใส เพื่อที่เข้าไปช่วยพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในประเทศกำลังพัฒนา

แม้ว่าก่อนหน้านี้ สหรัฐจะมีความพยายามผลักดันยุทธศาสตร์ Indo-Pacific ผ่าน “ญี่ปุ่น” เพื่อสกัดและคานอำนาจ “จีน”

แต่ก็ดูไม่เพียงพอ

จึงนำมาสู่ B3W ที่มุ่งเน้นให้ความสนใจกับ “เรื่องสำคัญ 4 อย่าง” ที่ “จีนยังคงทำได้ไม่ดีพอ” ซึ่งประกอบด้วย

  1. สภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อม
  2. สุขภาพ
  3. เสรีภาพทาง Digital
  4. ความทัดเทียมทางเพศ

นำไปสู่ความร้อนฉ่าของการปะทะกันระหว่าง BRI ของ ‘จีน’ B3W ของ ‘มะกัน’

ที่เราต้องติดตามการแข่งขันของมหาอำนาจโลกอย่างใกล้ชิด

ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัวเลย

ตรงกันข้าม การแข่งขันชิงการนำของโลกกลับอาจสร้างผลสะเทือนให้กับเราอย่างไม่คาดฝัน

 

สุทธิชัย หยุ่น แห่งคอลัมน์กาแฟดำ เล่าเหตุการณ์อันชวนหน้าหวาดเสียว

“สายด่วน-ลับ ณ นาทีวิกฤต

ระหว่างนายพลจีน-มะกัน”

ไว้อย่างระทึกใจ

โดยสุทธิชัย หยุ่น บอกไว้ที่หน้า 89 ว่า การเมืองระหว่างประเทศวันนี้อะไรๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดก็เกิดได้จริงๆ

อย่างเหตุการณ์หนึ่งที่เพิ่งเปิดเผย

เมื่อนายพลอเมริกันยกหูถึงนายพลจีน ในขณะที่เกิดวิกฤตการเมืองในสหรัฐ

เพื่อจะบอกจีนว่า “ไม่ต้องตกใจ…ทุกอย่างในบ้านผมยังอยู่ภายใต้การควบคุม?”

ที่ต้องยกหูไปจีน เพราะนายพลมะกันคนนี้รู้ว่านายทหารที่คุมกำลังกองทัพจีนมีความกังวลอย่างยิ่งว่าผู้นำของสหรัฐอาจจะทำอะไรที่คาดไม่ถึง

เช่น กดปุ่มนิวเคลียร์ถล่มจีนเพื่อสร้างสถานการณ์ให้ตนสามารถประกาศภาวะฉุกเฉินในบ้านได้

เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือ?

 

สุทธิชัย หยุ่น ได้ข้อมูลอันน่าหวาดเสียวนี้ จากการอ่านหนังสือชื่อ Peril โดยนักข่าวรางวัลพูลิตเซอร์อย่าง Bob Woodward และ Robert Costa

นักเขียนทั้งสองได้ข้อมูลและเอกสารรวมถึงเทปอัดเสียงที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนเพื่อเขียนหนังสือเล่มนี้

คำว่า Peril แปลว่าอันตราย

ตั้งชื่อหนังสือด้วยคำคำเดียวเพื่อสะท้อนถึงความเปราะบางของสถานการณ์การเมืองโลก

อันสืบเนื่องจากการเมืองภายในสหรัฐเอง

ความวุ่นวายในรัฐสภาที่วอชิงตันนั้นได้ส่งผลให้สหรัฐกับจีนมายืนอยู่ตรงปากเหวของความเปราะบางเป็นอย่างยิ่ง

ก่อนหน้าไม่นาน ฝ่ายจีนก็เริ่มสั่งการให้ทุกหน่วยรบอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมเพราะเกิดความระแวงคลางแคลงในแผนการของสหรัฐ

วันที่ 30 ตุลาคมปีที่แล้ว หรือ 4 วันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี (วันที่ 2 พฤศจิกายน 2563) ข่าวกรองสหรัฐแจ้งว่าฝ่ายจีนมีความเชื่อว่าสหรัฐกำลังเตรียมจะแอบโจมตีตน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีฉุกเฉินเมื่อวันที่ 6 มกราคมปีนี้ การบุกตึกรัฐสภาสหรัฐโดยผู้สนับสนุนทรัมป์อย่างบ้าคลั่งนั้น

ทำให้ผู้นำจีนลุกขึ้นมาถามว่า

ตกลงเกิดอะไรที่วอชิงตันกันแน่?

จึงนำไปสู่สายด่วนระหว่างนายพลจีน-มะกันดังกล่าว

 

ในปี 2565

โลกจึงมากด้วยความไม่แน่นอน

ทั้งจากเชื้อโรค

ทั้งจากเชื้อร้ายของคนในชาติมหาอำนาจ