ขอแสดงความนับถือ/ฉบับประจำวันที่ 4-10 มิถุนายน 2564

ขอแสดงความนับถือ

 

คนไทยหลายคนแสดงความไม่พอใจ

เมื่อสื่อหลายเจ้าในสหราชอาณาจักร

ขนานนามไวรัสสายพันธุ์กลาย

ว่าเป็นสายพันธุ์กลายไทยแลนด์

ซึ่งก็น่าหงุดหงิด และไม่พอใจอยู่เหมือนกัน

เพราะสายพันธุ์โควิด-19 สายพันธุ์นี้ ไม่ได้มีต้นตอมาจากไทย

แต่เจอในผู้ป่วยที่เข้าประเทศมาจากอียิปต์ ตั้งแต่ยังอยู่ใน state quarantine ยังไม่ได้เข้ามาในประเทศ

การมาเรียกเป็นสายพันธุ์ไทยแลนด์

แลจะไม่เป็นธรรมนัก

 

กระนั้น “ป๋วย อุ่นใจ” แห่งคอลัมน์ “ทะลุกรอบ”

ก็ดึงความรู้สึกเอาไว้นิดหนึ่ง

ว่า ไทยไม่ใช่ประเทศแรกที่หงุดหงิดกับการถูกนำเอาชื่อประเทศไปเรียกชื่อสายพันธุ์ไวรัส

ก่อนหน้านี้ทางจีนก็เคยออกมาโวยเรื่องที่เรียกไวรัสนี้ว่าไวรัสอู่ฮั่นหรือไวรัสจีน

เช่นเดียวกับแอฟริกาใต้และอินเดีย ก็ทักท้วงและรณรงค์ให้เลิกเรียกชื่อไวรัสตามประเทศ

แม้แต่เราก็เรียก “สายพันธุ์แอฟริกาใต้” หรือ “สายพันธุ์อินเดีย” เพราะสะดวกปากอยู่นั่นเอง

กระทั่งมาเจอกับตัวเอง เรื่องสายพันธุ์ไทยแลนด์

จึงคับข้องใจ และรู้สึกหงุดหงิด

ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรที่จะรู้สึกเช่นนั้น

แต่อาจต้องดึงหรือรั้งความรู้สึกไว้สักนิด เดี๋ยวเส้นเลือดสมองจะแตกเสียก่อน

เพราะเรื่องโควิดยังมีสิ่งที่อาจทำให้เราหงุดหงิดอีกหลายเรื่อง

 

อย่างเรื่อง สายพันธุ์ไทยแลนด์

อาจารย์ป๋วย อุ่นใจ ให้สติว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นได้ตลอด

ดังนั้น ไม่สำคัญหรอกว่า ไวรัสจะถูกเรียกว่าอะไร

หรือโดนแปะป้ายว่ามาจากประเทศไหน

ตราบใดที่เชื้อมันยังติดและคร่าชีวิตผู้คนได้มากมาย

นั่นคือปัญหา “ร่วม” ของมวลมนุษยชาติ

ที่เราต้องคิดจริงๆ ก็คือเราจะตัดวงจรไวรัสเพื่อรับมือกับวิถีแห่งวิวัฒนาการได้อย่างไรต่างหาก

เพราะถ้าอยากชนะ

ทุกชาติต้องร่วมมือกัน

เพียงแต่แอบกระซิบว่าขอเงื่อนไขเล็กน้อย ว่า (ต้องเป็น) “วัคซีนประสิทธิภาพดี” ด้วยนะ

จึงจะพอช่วยได้!

 

พูดถึงเรื่องทุกชาติต้องร่วมมือกันกันก่อน

ล่าสุด องค์การอนามัยโลกพยายามลบความรู้สึกการเรียกขานไวรัสโควิดกลายพันธุ์

โดยจะให้เลิกเรียกชื่อประเทศแหล่งที่พบ

ให้ไปใช้อักษรกรีกเรียกแทน เช่น อัลฟา เบต้า ดาต้า เป็นต้น

ซึ่งคงลดความรู้สึกที่ไม่ดีของชาติต่างๆ ลง และหันมาร่วมมือกันมากขึ้น

เมื่อมาถึงตรงนี้ อยากเชิญชวนให้ไปอ่านรายงานพิเศษ ของมงคล วัชรางค์กุล

เรื่อง “วัคซีน Pfizer เพื่อคนจน / ของดีจาก Covax / ที่คนไทยพลาดโอกาส”

ความหงุดหงิดอาจมารบกวนจิตใจอีก

กล่าวคือ แม้จะมี “ติ่ง” รัฐบาลชื่นชมการไม่เข้าเป็นสมาชิกโคแวกซ์

อ้างว่าการส่งวัคซีนกำลังมีปัญหา โดยเฉพาะที่ผลิตจากอินเดีย

ซึ่งในความเป็นจริง วัคซีนไม่ได้มาจากอินเดียแหล่งเดียว

วัคซีนในโครงการนี้ มาจากประเทศต่างๆ ยังส่งมอบให้สมาชิกที่เข้าร่วมเป็นระยะๆ และต่อเนื่อง

 

“มงคล วัชรางค์กุล” ให้ข้อมูลน่าสนใจ

“…โคแวกซ์นี้มีวัตถุประสงค์จะฉีดวัคซีนฟรี ฉีดให้ประชากรอย่างน้อย 20% ของประเทศยากจน 92 ประเทศทั่วโลกช่วงสิ้นปี 2021 นี้ โดยจะใช้วัคซีนราว 2,000 ล้านโดส”

และ “ถึง 29 พฤษภาคม 2021 โคแวกซ์ได้ส่งวัคซีนมากกว่า 76 ล้านโดสให้ 126 ประเทศทั่วโลก…”

แน่นอนใน 76 ล้านโดสวันนี้ และ 2 พันล้านโดสในวันข้างหน้า

สำหรับไทยแล้ว คือ 0 โดสในวันนี้และวันหน้าเช่นกัน

เพราะเราปฏิเสธร่วมโคแวกซ์

เป็นการตัดสินใจถูกหรือผิดของรัฐบาลไทย

ค่อยๆ คิด เดี๋ยวจะหงุดหงิดเพิ่ม

 

ข้ามไปเรื่อง “วัคซีนประสิทธิภาพดี” ที่อาจารย์ป๋วยบอกว่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ชาวโลก (แน่นอน รวมถึงคนไทย) จะรอดพ้นจากโควิดนั้น

สำหรับไทย ตอนนี้ หลักอยู่ที่ซิโนแวค และแอสตร้าเซนเนก้า

ส่วนตัวอื่น เป็นทางเลือก

ซึ่งย้อนไปที่ข้อมูลของมงคล วัชรางค์กุล อีกสักครั้ง

“…ต่อไปนี้คือรายการวัคซีนของโคแวกซ์ที่มีอยู่ในมือจัดส่งได้ตามกำหนดเวลา

– Moderna สัญญาจะจัดส่ง 500 ล้านโดสให้โคแวกซ์

– สำรองวัคซีนของ Johnson & Johnson 500 ล้านโดส

– Novavax จะเริ่มจัดส่งวัคซีนให้โคแวกซ์ ในไตรมาสสามปีนี้

Pfizer แจ้งว่าจะจัดส่งวัคซีนให้โคแวกซ์ 40 ล้านโดสในราคาทุน…”

แน่นอน เป็นเรื่องวัคซีนประสิทธิภาพดีของประชาคมโลก ที่ไม่เกี่ยวกับไทย

ไทยที่นั่งลุ้นมิถุนายนนี้จะเริ่มต้นได้ฉีดวัคซีนของซิโนแวค หรือแอสตราเซนเนก้า ครบตามที่รัฐบาลสัญญาหรือไม่

ส่วนเรื่องวัคซีนประสิทธิภาพดี-ไม่ดี

ยังไม่ต้องพูดถึง เดี๋ยวหงุดหงิดเพิ่ม

แต่หลังลุ้นมานาน ที่สุด องค์การอนามัยโลกก็รับรองซิโนแวคแล้ว

ยินดีกับคนไทย และคงคลายหงุดหงิดลงบ้าง