ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 พฤษภาคม - 3 มิถุนายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ขอแสดงความนับถือ |
เผยแพร่ |
ขอแสดงความนับถือ
พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 จะเข้าสู่การพิจารณาของสภา 31 พฤษภาคมนี้
แน่นอนที่สุด
งบประมาณด้าน “สาธารณสุข”
ย่อมถูกนำไปเทียบกับงบประมาณ “ทหาร”
อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
และแน่นอน กลาโหมเป็นตำบลกระสุนตกแน่นอน
ไม่เชื่อลองไปอ่าน “ยุทธบทความ” ของ “สุรชาติ บำรุงสุข” ใน “มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับนี้
ที่ช่วยอุ่นเครื่องให้ ในหัวข้อ
“โลกของทหารไทย : โลกของการซื้ออาวุธ!”
อาจารย์สุรชาตินำเสนอ “ลัทธิอาวุธนิยม” ขึ้นมาให้พิจารณา
พร้อม-พร้อม ตั้งแท่นให้ติดตามเรื่องว่า
“…เมื่อต้องพิจารณาปัญหาความมั่นคงไทยในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศนับตั้งแต่ต้นปี 2563 และเกิดต่อเนื่องมาเป็นระลอกที่ 3 ในปัจจุบันนั้น
ความต้องการมีระบบอาวุธสมัยใหม่ของผู้นำทหารที่มีราคาแพง
เป็นประเด็นที่ต้องนำมาคิดใคร่ครวญเป็นอย่างยิ่ง
เพราะในยามที่ประเทศต้องการงบประมาณจำนวนมากเพื่อใช้ในทางการแพทย์
เพื่อต่อสู้กับ ‘ปัญหาความมั่นคงด้านสาธารณสุข’ นั้น
กองทัพกลับเดินหน้าตัดสินใจจัดซื้ออาวุธ
โดยไม่ใส่ใจกับ ‘สภาวะแวดล้อมภายในที่เป็นจริง’ ของสังคมไทยที่กำลังเผชิญกับ ‘ภัยคุกคามชุดใหม่’
อันเป็นเรื่องของ ‘สงครามโรคระบาด’
ดังจะเห็นได้ว่าในปี 2563 ที่การระบาดระลอกแรกเริ่มขึ้น
ได้มีเสียงเรียกร้องในสังคมอย่างมากให้มีการปรับลดงบประมาณทางทหาร
โดยเฉพาะยุติการซื้ออาวุธ
ที่หลายภาคส่วนในสังคมมีความเห็นในทำนองเดียวกันว่า ไม่มีความจำเป็นในการสร้างความมั่นคงในยามที่ประเทศต้องเผชิญหน้ากับโรคระบาดของเชื้อโควิด-19
ตลอดรวมทั้งการยกเลิกรายการจัดหาที่มีมูลค่าสูง เช่น กรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำและรถถังจากจีน เป็นต้น…”
แต่เสียงเรียกร้องดังกล่าวเป็นอย่างไร…
อาจารย์สุรชาติบอกว่า
“…ไม่ค่อยจะมีผลในทางปฏิบัติเท่าที่ควร
เพราะผู้นำรัฐบาลที่มาจากทหารที่อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
มีความจำเป็นที่ต้องรักษาฐานการเมืองในกองทัพ
จึงไม่ยอมที่จะลดทอนงบฯ ทางทหารที่ไม่จำเป็นลง
สิ่งที่เกิดในยุคโควิดสะท้อนให้เห็นว่า กองทัพในการเมืองไทยจึงมีสถานะเป็น ‘The Untouchable’ ที่ไม่อาจแตะต้องได้
หรืออาจเป็น ‘Untouchable Class’ ในสังคมไทย!
ดังนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในสังคมไทย
กองทัพจะยังอยู่ในโลกของตัวเองเสมอ
และเป็นโลกที่ทหารเป็นใหญ่โดยไม่ต้องคำนึงถึงสังคม…”
อาจารย์สุรชาติบอกว่า เราเคยมีความหวัง
“…เมื่อมีการเปลี่ยนผู้บัญชาการเหล่าทัพตามวงรอบของการเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคม 2563
ทำให้ยังพอมีความหวังว่า ‘ลัทธิอาวุธนิยม’ จะถูกลดทอนลงได้บ้าง
เพราะ ‘นักช้อป’ บางคนจากบางเหล่าทัพที่เป็นพวกสมาทาน ‘ลัทธิบูชาอาวุธ’ ได้หมดวาระลงแล้ว
และอาจจะเป็นโอกาสให้กองทัพได้ตระหนักถึงบทบาทที่เหมาะสมของทหารในสังคมที่เผชิญกับโรคระบาดได้บ้าง (แม้ ‘นักช้อปรายใหญ่’ จะยังมีอำนาจในกระทรวงกลาโหมก็ตาม)
แต่ความหวังดังกล่าวก็เป็นความท้าทายอย่างมากว่า
ผู้นำทหารไทยตระหนักถึงปัญหาที่สังคมกำลังเผชิญเพียงใด”
นี่คือคำถามอันแหลมคม ซึ่งไม่เฉพาะอาจารย์สุรชาติเท่านั้นที่ถาม
ฝ่ายค้านก็ถาม
ประชาชนข้างนอกก็ถาม
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กองทัพ จะต้องตอบ
และต้องตกเป็นเป้าแห่งการวิพากษ์วิจารณ์
ซึ่งคงเดือดพล่านในการพิจารณางบประมาณปี 2565