ขอแสดงความนับถือ/ฉบับประจำวันที่ 28 ก.พ.-5 มี.ค. 63

ขอแสดงความนับถือ

 

ขณะที่ “คนใน”

พยายามไปให้สุดทาง

ดังอีเมลฉบับนี้

 

…ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดเป็นเวลา 10 ปี และห้ามไปยุ่งเกี่ยวในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่นั้น

ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญยังระบุไว้ชัดเจนว่าพรรคอนาคตใหม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงการรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นตาม ม.66 โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายตาม ม.72 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 อันเป็นเหตุให้สั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ตาม ม.92 วรรคสอง ประกอบ ม.92 วรรคหนึ่ง (3)

ดังนั้น จึงเป็นบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะต้องดำเนินการต่อเนื่องให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ม.124

ที่กำหนดให้เอาผิด ผู้บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองมีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาทต่อปี

ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้น 5 ปี

และมาตรา 125 ที่กำหนดเอาผิดพรรคการเมืองที่รับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดมีมูลค่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น 5 ปี และให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดส่วนที่เกินมูลค่าที่กฎหมายกำหนดไว้ 10 ล้านบาทตกเป็นของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองด้วย

นอกจากนั้น กรณีที่พรรคอนาคตใหม่มีการนำเงินรายได้ของพรรคที่ได้จากการระดมทุนการรับบริจาค ขายของที่ระลึก ซึ่งกฎหมายกำหนดห้ามนำไปใช้เพื่อการอื่นอันเป็นการฝ่าฝืน ม.87 วรรคหนึ่ง

ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี ปรับตั้งแต่ 1 แสน – 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยที่การดำเนินคดีอาญานั้น ศาลรัฐธรรมนูญได้ระบุไว้ในคำวินิจฉัยด้วยว่า การดำเนินคดีอาญากับนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่นั้น เสร็จสิ้นจากคณะกรรมการไต่สวนฯ ของ กกต.แล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหา

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะเร่งให้ กกต.ดำเนินคดีอาญาต่อนายธนาธรและกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเร็วต่อไป

นายศรีสุวรรณ จรรยา

เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย

สุดทางในที่นี้คือ “คุก” และ “ยึดทรัพย์” ซึ่งถือเป็นที่สุดแห่งการลงโทษแล้ว

ถือว่าหนัก

 

จึงไม่น่าประหลาดใจ ที่มีอีเมลที่มองต่างออกไป

…เรารับทราบเกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญไทยในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ให้ยุบพรรคอนาคตใหม่

สหรัฐอเมริกาส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มที่ในทุกประเทศทั่วโลก

และชื่นชมประเทศไทยที่มีรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยวิถีแห่งประชาธิปไตยเมื่อไม่นานมานี้

แม้ว่าสหรัฐไม่ได้ถือข้างหรือสนับสนุนพรรคการเมืองใดในประเทศไทยเป็นพิเศษ

แต่ประชาชนกว่า 6 ล้านคนได้ลงคะแนนเสียงเลือกพรรคอนาคตใหม่ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา

คำพิพากษาให้ยุบพรรคอนาคตใหม่อาจนำไปสู่การลิดรอนสิทธิของผู้ลงคะแนนเสียงเหล่านั้น

และทำให้เกิดคำถามว่าพวกเขาจะยังคงมีสิทธิมีเสียงในระบบการเลือกตั้งของไทยหรือไม่

สถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทย

 

และ

…สืบเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งตามคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ยุบพรรคอนาคตใหม่

สะท้อนถึงการใช้กระบวนการยุติธรรมเพื่อข่มขู่ คุกคาม และโจมตีพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล

ทางการไทยต้องกลับคำวินิจฉัยนี้ และฟื้นฟูสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกและการสมาคมในประเทศอย่างเต็มที่

การยุบพรรคอนาคตใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของทางการไทย ในการโจมตีหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรค ตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ทั้งก่อนและนับแต่การเลือกตั้งทางการใช้มาตรการทางกฎหมายที่ให้อำนาจอย่างกว้างขวางและมีเนื้อหาคลุมเครือ เพื่อยุบพรรค และตัดสิทธิไม่ให้หัวหน้าพรรคการเมืองดำรงตำแหน่ง ส.ส.

รัฐบาลไทย สมาชิกรัฐสภา และพรรคการเมืองทุกพรรคของไทย ต้องสัญญาที่จะปกป้องสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกและการสมาคม

ประชาคมระหว่างประเทศซึ่งดูเหมือนยังสงวนท่าทีต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยต้องแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าไม่อาจยอมรับการสั่งยุบพรรคฝ่ายค้านครั้งนี้

นิโคลัส เบเคลัง

ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล

 

นี่คือปฏิกิริยาส่วนหนึ่ง

จากภาคองค์การรัฐและเอกชน ข้างนอก

ซึ่งจะถือเป็น โลกวัชชะ ดังที่บรรณกร กลั่นขจร ว่าหรือไม่

น่าพิจารณา