ขอแสดงความนับถือ/ฉบับประจำวันที่ 10-16 มกราคม 2563

ขอแสดงความนับถือ

 

พ้นปีใหม่ไม่กี่วัน

สหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานธิบดีทรัมป์

เล่นเกมแห่งอำนาจ ทั้งระดับโลก และในประเทศ

ทำโลกร้อนระอุ

ด้วยการลอบสังหารผู้นำทหารคนสำคัญของอิหร่าน

อิหร่านประกาศแก้แค้น

ท่ามกลางความหวั่นวิตกของคนทั้งโลก

มันจะส่งผลเสียบานปลายออกไปขนาดไหน

 

“มติชนสุดสัปดาห์” พยายามนำเสนอให้รอบด้าน

ด้านหนึ่ง “มงคล วัชรางค์กุล” เสนอมุมมองที่แลผ่านแว่นสื่อและคนสหรัฐ

“ศึกอิหร่านของทรัมป์–เราปฏิบัติการเพื่อหยุดยั้งสงคราม…เราไม่ได้ทำสงคราม” (หน้า 27)

ด้านหนึ่ง อุสตาซอับดุชชะกูร บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) นำเสนอมุมมองผ่านคนมุสลิม

ผ่านบทความ “2020 : ผลกระทบโลกและไทยหลังสหรัฐลอบสังหาร ผบ.อิหร่าน” (หน้า 26)

ทั้ง 2 บทความ วิเคราะห์ไปในแนวทางเดียวกัน

นั่นคือ อิหร่านคงออกมาตอบโต้ทางการเมือง และทางการทหารอย่างแน่นอน

ส่วนจะตอบโต้อย่างไร คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

 

ที่น่าสนใจ มีคำเตือนจาก ดร.อิลยาส หญ้าปรัง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ผ่านอุสตาซอับดุชชะกูร บินชาฟิอีย์ ว่า “อิหร่านควรตั้งมั่นอยู่ในความสงบ”

มิใช่เรียกร้องแบบโลกสวย

แต่มีเหตุผลที่พึงพิจารณา

กล่าวคือ อิหร่านเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่ยังยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคงท่ามกลางซากปรักหักพัง จากน้ำมือของสหรัฐและอิสราเอล

อิรัก ซีเรีย เยเมน ลิเบีย ปาเลสไตน์ ล้วนบ้านแตกสาแหรกขาด

ขณะที่จอร์แดน กาตาร์ ฯลฯ หมดอนาคต

แต่สำหรับอิหร่านแม้จะถูกสหรัฐปิดล้อมทางเศรษฐกิจมากกว่า 40 ปี

ก็ไม่ได้ทำให้อิหร่านอ่อนแอลงเลย

ตรงกันข้ามกลับเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ

สามารถสร้างพันธมิตรที่มีจุดยืนตรงข้ามสหรัฐ เพิ่มได้อย่างน่ากลัว

นี่จึงอาจเป็นยุทธศาสตร์ของสหรัฐ

นั่นคือทำให้อิหร่านอ่อนแอลง

ด้วยการดึงให้ตกหล่มสงครามใหญ่

จะได้อ่อนแอลงเรื่อยๆ จนถึงระดับที่ไม่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐ อิสราเอล และซาอุดีอาระเบียอีกต่อไป

เกมนี้อิหร่านจึงต้องไม่หลงกล

แล้วอิหร่านควรทำอย่างไร

ต้องติดตามข้อเสนอ ดร.อิลยาส หญ้าปรัง ดู

 

การศึกจึงไม่ใช่แค่การเผชิญแตกหักเพียงอย่างเดียว

หากต้องยืดหยุ่น พลิกแพลง

นี่จึงทำให้ไปรษณียบัตรค้างปีของ “ไมตรี รัตนา”

กลับมาเข้ากับสถานการณ์ยิ่ง

ในสามก๊ก ตอนศึกผาแดง การจะโหมเข้าตีกองทัพเรือโจโฉอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร มีแต่ต้องพ่ายกับพ่าย

จำต้องรู้จุดอ่อน จุดด้อย

ฝ่ายซุนกวนนำโดยจิวยี่ และฝ่ายเล่าปี่ที่มีขงเบ้งเป็นมันสมอง

เห็นทัพเรือใหญ่มหึมาของโจโฉ ที่แก้ปัญหาทหารเมาคลื่น หมดเรี่ยวแรงรบ ต้องเอาโซ่ผูกเรือรบทุกลำเข้าไว้ด้วยกัน

จากเรือลำเล็กที่เจอคลื่นก็โคลง เมื่อผูกติดกันเป็นแพใหญ่ เรือก็ไม่โคลง ทหารก็ไม่เมาคลื่นเป็นจุดแข็ง

แต่กระนั้นก็แฝงด้วยจุดอ่อน

ด้วยขงเบ้งผู้รู้ทิศทางลม ใช้จังหวะลมเปลี่ยนทิศ พัดเอาเรือไฟไปเผากองทัพเรือโจโฉที่ติดกันเป็นแพได้อย่างไม่น่าเชื่อ

อิหร่านจะใช้ยุทธวิธีใดต่อกรกับสหรัฐ เป็นสิ่งที่ต้องติดตาม

ทั้งระทึก และน่าหนักใจ ต่อผลสะเทือนที่จะเกิดขึ้น