‘การขาดแรงงานก่อสร้าง’ ด่านสีเทาของอสังหาฯ

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่ใช้เงินทุนมาก มีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีผลตอบแทนสูงหากทำได้สำเร็จ จึงเป็นเหตุให้มีคนมุ่งหน้าเข้าสู่ธุรกิจนี้ไม่ขาดสาย

อุปสรรคด่านแรกที่ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ต้องเจอคือปัญหาการขาดแรงงานก่อสร้าง ยิ่งนับวันปัญหานี้จะหนักขึ้นเรื่อยๆ เพราะแรงงานภายในประเทศไม่เพียงพอ คนเกิดใหม่น้อยลง แรงงานที่มีอยู่ก็มักจะไปด้านแรงงานบริการเสียเป็นส่วนใหญ่

แรงงานก่อสร้างไทยจึงจำเป็นต้องอาศัยแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นกำลังสำคัญ แต่รัฐบาลไทยไม่เคยมีนโยบายที่จะจัดหาแรงงานให้กับอุตสาหกรรมใดๆ ที่ขาดแคลนแรงงาน การจัดหาแรงงานจึงเป็นไปตามธรรมชาติอำนาจและผลประโยชน์

ธุรกิจก่อสร้างจึงต้องจ่ายค่าดำเนินการจัดหาแรงงานต่างชาติให้กับบริษัทนายหน้า ซึ่งบริษัทนายหน้าเหล่านี้ถ้าผู้มีอำนาจไม่ได้เป็นเจ้าของเสียเอง ก็ต้องไปจ่ายผลประโยชน์ให้กับผู้มีอำนาจตามชายแดน ผู้มีอำนาจระหว่างเส้นทาง และผู้มีอำนาจส่วนกลาง

 

ค่าหัวแรงงาน ว่ากันว่าตกหัวละ 2-3 หมื่นบาท แต่ละคราวเป็นจำนวนนับแสนราย เป็นเงินมหาศาล ดังนั้น การปล่อยให้อยู่ในสภาพ “สีเทา” แบบนี้ รับผลประโยชน์กันเต็มๆ แม้จะส่งผลเสียกับอุตสาหกรรมก่อสร้างทั้งระบบก็ตาม ถือเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่ง

อุปสรรคด่านกลางๆ เป็นเรื่องการขออนุญาตตามระเบียบกฎหมายต่างๆ ตามขั้นตอนต่างๆ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายทั้งที่เป็นภาษี และไม่ใช่ภาษี แต่ด่านนี้ไม่น่าจะนับเป็น “สีเทา” เพราะเป็นเรื่องมีกันทั่วไปในหลายธุรกิจที่ต้องมีขั้นตอนขออนุญาต เรียกกันว่า เป็นเบี้ยบ้ายรายทาง

อุปสรรคด่านสุดท้าย อยู่ในขั้นตอนการขายให้กับลูกค้า ซึ่งที่เป็นปัญหากลายเป็นพื้นที่ “สีเทา” ก็คือการขายให้กับลูกค้าต่างชาติ

กฎหมายไทยอนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาฯ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้เฉพาะการเป็นเจ้าของห้องชุด ได้ 49% ของคอนโดมิเนียมเท่านั้น ไม่มีกฎหมายเชิงนโยบายที่จะดึงดูดแรงงานทักษะสูงประเภทใดประเภทหนึ่งเพื่อมาสร้างสรรค์เศรษฐกิจ หรือไม่มีนโยบายดึงดูดนักลงทุนสาขาใดสาขาหนึ่งที่เศรษฐกิจประเทศต้องการ เหมือนกับหลายๆ ประเทศในโลกที่กำลังรณรงค์กันอยู่

เมื่อไม่มีกลไกสีขาวเป็นทางการ ก็เกิดระบบตลาดสีเทาเข้ามาจัดการปัญหาความต้องการฝ่ายต่างๆ ที่มีความต้องการอสังหาฯ ที่นอกเหนือจากห้องชุดคอนโดมิเนียม ว่ากันตั้งแต่บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งใช้ตัวแทนที่เรียกว่า “นิมินี” ถือครองกรรมสิทธิ์อสังหาฯ แทน

การแต่งงานปลอมๆ กับบุคคลสัญชาติไทยเพื่อให้ได้สิทธิ์การถือครอง ไปจนถึงการสวมบัตรประชาชนแทนคนสัญชาติไทยที่เสียชีวิตไปแล้ว

ยังไม่มีใครสามารถประมาณมูลค่าตลาดนี้ได้ว่าปีหนึ่งประมาณเท่าไหร่ เพราะผู้เกี่ยวข้องไม่ลงบัญชีรายได้หรือรายจ่าย

ธุรกิจสีเทา ด่านสีเทาคงไม่หมดไปจากโลกนี้หรอก แต่ด่านสีเทาจะแผ่ไพศาลใหญ่โตยามที่ประเทศถูกปกครองบริหารด้วยอำนาจผู้ถืออาวุธผู้ถือกฎหมาย แต่ด่านสีเทาย่อมจางลงยามที่บ้านเมืองปกครองด้วยความโปร่งใส •