เผยแพร่ |
---|
กรุงเทพฯ 5 ตุลาคม 2565 – ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ร่วมกับ สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ITA) และสถานทูตอิตาลีประจำประเทศไทย ลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างไทย – อิตาลี จัด อิตาเลียนแคมเปญ ประจำปี 2022-2023 ดึงศักยภาพความแข็งแกร่งด้านช่องทางจัดจำหน่ายและความครบครันของสินค้า มอบประสบการณ์ช้อปปิ้งสุดพิเศษกับสุดยอดสินค้าและวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมส่งตรงจากประเทศอิตาลี ตอกย้ำภาพความเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกด้านอาหารที่ตอบสนองต่อผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์
ฯพณฯ ลอเรนโซ กาลานติ เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศอิตาลีและประเทศไทยมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นมาอย่างอย่างนาน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมอันดีงามระหว่างกัน โดยเฉพาะเรื่องอาหารและวัตถุดิบที่มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การร่วมมือกับ ท็อปส์ ในครั้งนี้มุ่งหวังว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมสินค้าอิตาลีให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเป็นการกระชับความสัมพันธ์ อันดีระหว่างประเทศอิตาลีและไทย ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ของทั้งสองประเทศ
นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล เผยถึงการลงนามความร่วมมือ ระหว่าง ท็อปส์ ในฐานะผู้นำฟู้ดรีเทลของไทยทางธุรกิจ กับ สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประเทศไทย (ITA) และสถานทูตอิตาลีประจำประเทศไทย ว่า “ นับเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ท็อปส์ ได้มีส่วนร่วมสนับสนุน ส่งเสริมและจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์สินค้า “Made In Italy” ที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น , ท็อปส์ มุ่งมั่นที่จะนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพ คัดสรรจากทั่วโลกส่งตรงถึงมือของลูกค้า โดยสินค้าจากอิตาลีเป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยม และ บริษัทฯ ได้มีการนำเข้าสินค้าจากประเทศอิตาลีมาจำหน่ายที่ ท็อปส์ มาร์เก็ต ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และ ท็อปส์ ออนไลน์อย่างต่อเนื่องกว่า 1,600 รายการ และเป็นสินค้า Exclusive กว่า 300 รายการ
ด้วยความร่วมมือทางธุรกิจและความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนานระหว่าง ท็อปส์ กับสำนักงานพาณิชย์ อิตาเลียนประเทศไทย (ITA) และสถานทูตอิตาลีประจำประเทศไทย จะเป็นความร่วมมือส่งมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งสุดพิเศษให้กับลูกค้าแบบไม่ต้องบินไปไกลถึงต่างประเทศ ก็สามารถช้อปสินค้าคุณภาพชื่อดังได้ พร้อมใช้ศักยภาพที่แข็งแกร่งทั้งด้านช่องทางการจัดจำหน่ายที่ร้านค้าทุกรูปแบบของท็อปส์ ผสานกับช่องทางออนไลน์ รวมถึงมีการจัด กิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่หลากหลาย อาทิ งาน Italian Week, Great Wines Throughout Italy, Italian Cuisine Week ฯลฯ ซึ่งเป็นการตอกย้ำภาพความเป็นผู้นำด้านธุรกิจฟู้ดรีเทลที่เป็นจุดมุ่งหมายของทุกไลฟ์สไตล์
ด้าน นายจูเซปเป ลามัคคิอา ข้าหลวงพาณิชย์ ประจำสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ฝ่ายส่งเสริมการค้า แห่งสถานทูตอิตาลีประจำประเทศไทย) กล่าวว่า ความร่วมมือในการลงนามบันทึกข้อตกลงกับทางท็อปส์ในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายในสร้างการรับรู้ ส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้า “Made In Italy” ที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น สอดรับกลยุทธ์ที่มุ่งสนับสนุนและผลักดันสินค้าทั้งแบรนด์เก่าที่มีอยู่ในตลาดและแบรนด์ใหม่จากอิตาลี ผ่าน 2 แพลตฟอร์ม คือ ในรูปแบบร้านค้าและช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ชาวไทยได้สัมผัสถึงสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามสไตล์อิตาเลียนแท้ๆ ที่ส่งตรงจากประเทศอิตาลี
“ท็อปส์ เชื่อมั่นว่าการลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจ Food Destination และตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญในการคัดสรรสินค้าที่ดีที่สุดนำเข้าจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อเสิร์ฟถึงมือของลูกค้าในเมืองไทย อีกทั้งฉายภาพความเป็นผู้นำธุรกิจฟู้ดรีเทลที่ไม่หยุดยั้งในมองหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์กับ ทุกความต้องการทุกไลฟ์สไตล์ เป็นสำหรับทุกคน” นายสเตฟาน กล่าวสรุป
พบกับสินค้าและวัตถุดิบสุดพรีเมียมส่งตรงจากประเทศอิตาลี พร้อมกิจกรรมและโปรโมชั่นมากมายได้ ได้ที่ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, และท็อปส์ ออนไลน์ พร้อมมอบบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟผู้ช่วยช้อปส่วนตัว (Personal Shopper) ช้อปสะดวกทุกที่ มั่นใจในคุณภาพสินค้าเหมือนไปช้อปด้วยตัวเอง
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก TopsThailand หรือแอปพลิเคชันไลน์ @TopsThailand
เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and Multi-category) ในประเทศไทย และมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเป็นผู้นำในประเทศอิตาลีและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศเวียดนาม เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก 3,550 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ บ้าน แอนด์ บียอนด์ / บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (2) กลุ่มฟู้ด ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท บิ๊กซี / GO! ลานชี มาร์ท ท็อปส์ มาร์เก็ต เวียดนาม และ มินิ โก (go!) (3) กลุ่มแฟชั่น ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 58 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 41 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565)