เซ็นทรัล รีเทล ปักธง รีเทลเทคระดับโลก ทุ่มงบลงทุนด้านเทคโนโลยี กว่า 10,000 ล้านบาท  ยกระดับสู่แพลตฟอร์ม Next-Gen Omnichannel

5 ตุลาคม 2565, กรุงเทพฯ – นายเดวิด ยามาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายดิจิทัล บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า “ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเซ็นทรัล รีเทล ได้ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่การเป็นรีเทลเทคอย่างเต็มรูปแบบ และสร้างแพลตฟอร์มออมนิแชแนลที่ดีที่สุดในประเทศไทย จากการพัฒนาของทีมเซ็นทรัล รีเทล ดิจิทัล พิสูจน์ได้จากจำนวนการเติบโตของตัวเลขผู้ใช้บริการในปีก่อนๆ กว่า 80% และมียอดผู้กลับมาใช้ซ้ำกว่า 60% ส่งผลให้ยอดขายจากแพลตฟอร์มนี้เติบโตเป็นสัดส่วน 20% ของยอดขายทั้งหมด เราจึงยกระดับแพลตฟอร์มนี้สู่ NextGen Omnichannel ที่เหนือระดับและสามารถเชื่อมโลกออฟไลน์ ออนไลน์ และ Metaverse เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ครอบคลุมทั้งเครือข่ายเซ็นทรัล รีเทล ในไทย เวียดนาม และอิตาลี โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบ Ultra Personalization ที่นำเสนอสินค้าและบริการเฉพาะบุคคลแบบเรียลไทม์ เช่น ปัจจุบันมีสมาชิกบน Central App กว่า 6 ล้านดาวน์โหลด อีกทั้งยังเป็นการสร้าง Inclusive Growth ให้กับคู่ค้า ทำให้แพลตฟอร์มนี้กลายเป็น ‘Destination’ สำหรับลูกค้า คู่ค้า และทุกๆ คน รวมถึงเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้กลยุทธ์ CRC Retailligence เกิดขึ้นได้จริง ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลที่จะทำให้เซ็นทรัล รีเทล ก้าวสู่การเป็นรีเทลเทค ระดับโลก และเป็นผู้นำด้านออมนิแชแนลหนึ่งเดียวของไทยและระดับสากลอย่างแท้จริง

สำหรับแผน 5 ปี ต่อจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล พร้อมทุ่มงบ 10,000 ล้านบาท ชู 5 กลยุทธ์ดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อน CRC Retailligence ประกอบด้วย

1. Intelligent Retail เข้าใจลูกค้าและธุรกิจอย่างลึกซึ้ง ด้วยการใช้ Deep-Data Learning เพื่อวิเคราะห์ฐานข้อมูลเชิงลึกใน CRC Ecosystem ที่สามารถเจาะลึกพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคลในระดับ Micro-Segmentation เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้าได้ครอบคลุมในทุกมิติแบบเรียลไทม์และถูกที่ถูกเวลา

2. Consumer-Driven Design แนวคิดใหม่ในการพัฒนาแพลตฟอร์ม โดยใช้ข้อมูล กระบวนการ และระบบที่ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ของลูกค้าเป็นหลัก ตามเจตนารมณ์ในการเป็นองค์กรที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centric) อย่างแท้จริง

3. Enabling Synergies เป็นกลยุทธ์ที่จะเชื่อมต่อทุกบริการในกลุ่มเซ็นทรัล เช่น แพลตฟอร์ม The1 Loyalty และ Dolfin e-wallet เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ออมนิแชแนลของลูกค้าอย่างครบวงจร นอกจากนี้ยังมีระบบ One-Omni Pull of Stock ที่สามารถเช็คสินค้าคงคลังครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ และยังสามารถจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเครือข่ายร้านค้าและศูนย์กระจายสินค้าที่มีอยู่ทั่วประเทศ

4. Experience-Driven Commerce พัฒนาโปรแกรม CRC Artificial Intelligence ที่ล้ำสมัยที่สุด พร้อมนำเสนอคอนเทนต์และให้คำแนะนำลูกค้าในทุก Customer Journey ผ่านแพลตฟอร์ม Next-Gen Omnichannel ที่เชื่อมต่อทุกช่องทางการช้อปปิ้งของลูกค้า ทั้งออนไลน์ หน้าร้าน และช่องทางโซเชียลของทุกกลุ่มธุรกิจให้อยู่บนแพลตฟอร์มข้อมูลเดียวกันทั้งหมด

5. Adaptive Commerce พัฒนาแพลตฟอร์มคอมเมิร์ซที่ดีที่สุดด้วยระบบปฏิบัติการแบบ Headless และ Microservices Based Framework เพื่อทำให้ช่องทางการช้อปปิ้งเชื่อมกันได้อย่างไร้รอยต่อ และกลายเป็นแพลตฟอร์มออมนิแชแนลที่สะดวก รวดเร็ว คล่องตัว และสามารถปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมของลูกค้าได้

                โดยทั้ง 5 กลยุทธ์ดิจิทัลจะถูกนำมาใช้ในการสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ให้ลูกค้าผ่านการนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ เข้าถึงความต้องการเฉพาะบุคคล และทำให้เซ็นทรัล รีเทล เป็นจุดหมายหนึ่งเดียวในการช้อปปิ้งและใช้ชีวิตในทุกๆ วันของลูกค้า โดยจากนี้ไป เซ็นทรัล รีเทล และธุรกิจในเครือจะยังคงนำเทคโนโลยีใหม่ๆ  เข้ามาพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

“เซ็นทรัล รีเทล มุ่งมั่นที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า พร้อมยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้าในทุก touchpoint โดยเราได้นำโซลูชันส์แห่งอนาคตและเทคโนโลยีล้ำสมัย มาผนวกเข้ากับแนวคิด Green & Sustainable Retail องค์กรต้นแบบเพื่อความยั่งยืน รวมถึงพัฒนาร้านค้า ช่องทางออนไลน์ ระบบโลจิสติกส์แบบ Direct-to-Consumer รวมไปถึงการทำการตลาดดิจิทัล ผ่านระบบ AI บนแพลตฟอร์ม Big Data ของ CRC นอกจากนี้เรายังได้ผนึกกำลังร่วมกับเทคพาร์ทเนอร์ระดับโลกอย่าง Google, Meta,  Microsoft, Accenture และ Adobe ในการพัฒนาแพลตฟอร์ม Next – Gen Omnichannel อีกทั้งเซ็นทรัล รีเทล ดิจิทัล ยังมีทีมงานมืออาชีพที่มีความชำนาญเฉพาะทางและมากประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล ทั้งในระดับนานาชาติและในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้เซ็นทรัล รีเทล เป็นองค์กรด้านรีเทลเทคอย่างเต็มรูปแบบ ตามกลยุทธ์ CRC Retailligence ที่วางไว้ พร้อมผลักดันให้ CRC Ecosystem เป็นอีโคซิสเท็มที่ดีที่สุดและสมบูรณ์แบบที่สุดของเอเชีย โดยตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายผ่านแพลตฟอร์ม Next – Gen Omnichannel เป็น 25 -30% ภายในปี 2569 และจะทำให้เซ็นทรัล รีเทล ก้าวขึ้นสู่รีเทลเทคระดับโลกได้อย่างแน่นอน” นายเดวิด กล่าวสรุป

 

เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and Multi-category) ในประเทศไทย และมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเป็นผู้นำในประเทศอิตาลีและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศเวียดนาม เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก 3,550 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่  (1) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (2) กลุ่มฟู้ด ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท บิ๊กซี / GO! ลานชี มาร์ท ท็อปส์ มาร์เก็ต เวียดนาม และ มินิ โก (go!) (3) กลุ่มแฟชั่น ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม และ (5) กลุ่มเฮลธ์แอนด์เวลเนส ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายและให้บริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง เช่น ท็อปส์แคร์ ท็อปส์วีต้า และ เพ็ทแอนด์มี โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 58 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 41 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565)