“ปันน้ำปุ๋ย” จากฟาร์มสุกรซีพีเอฟ ดูแลเกษตรกรสู้ภัยแล้ง ด้วยหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน 

“ภัยแล้ง” เป็นปัญหาที่เกษตรกรไทยต้องเผชิญ โดยทุกๆปี  ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการวางแผนเพื่อเตรียมรับมือ บริหารจัดการน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค บรรเทาผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำ  

“โครงการปันน้ำปุ๋ยสู่ชุมชน” ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เป็นโครงการที่ถูกสานต่อมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบ 20 ปี  โดยฟาร์มสุกรของซีพีเอฟ ส่งน้ำที่ผ่านการบำบัดจากระบบผลิตก๊าซชีวภาพ เพื่อให้เกษตรกรและชุมชนรอบฟาร์ม นำไปใช้เพื่อการเกษตร พืชไร่ พืชสวน โดยในรอบปี 2564 มีการส่งน้ำและกากตะกอนที่ผ่านการบำบัดแล้วให้กับพื้นที่การเกษตรกว่า 103 ไร่ ส่งน้ำไปกว่า  143,500 ล้านลูกบาศก์เมตร  ช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้ง และสร้างความมั่นคงทางแหล่งน้ำให้กับชุมชน ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการบริหารจัดการน้ำเกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน ( Circular Economy)     

กระบวนการน้ำปุ๋ยที่เกิดจากการเลี้ยงสุกร น้ำที่ได้จากมูลสุกรถูกรวมและส่งเข้าไปในระบบไบโอแก๊ส หรือบ่อหมัก ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการหมัก 45 วัน ส่วนของที่เหลือจากการหมัก คือ กากตะกอนและน้ำ  น้ำในส่วนนี้ เรียกว่าน้ำปุ๋ย จะผ่านการหมุนเวียน  การบำบัด  จนได้คุณสมบัติที่เหมาะสมกับพืชมาให้เกษตรกร โดยก่อนที่จะนำไปใช้  จะมีการตรวจวัดคุณภาพน้ำให้เหมาะสมกับคุณภาพดินของพื้นที่และพืชแต่ละชนิด   น้ำปุ๋ยจึงเป็นน้ำที่มีธาตุอาหารที่เหมาะสมกับการปลูกพืช   เช่น  ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยูคาลิปตัส อ้อย  เป็นต้น 

วันนี้ … มาลงพื้นที่เยี่ยมเกษตรกรรอบฟาร์มนนทรีของซีพีเอฟ ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี มีการปันน้ำปุ๋ยให้เกษตรกรมาตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน น้ำปุ๋ยจากฟาร์มนนทรี เป็นที่พึ่งในการเพาะปลูกให้เกษตรกรได้ทั้งในภาวะปกติและในช่วงแล้ง       

นางพรทิพย์ ขุนศรีภิรมย์ อายุ 58 ปี  อาชีพทำนา ทำสวน ปลูกผักสวนครัว ปลูกข้าวโพด ทำไร่นาสวนผสม เล่าว่า  ตั้งแต่ซีพีเอฟเข้ามาเปิดฟาร์มในพื้นที่  เมื่อปี  2550  เจ้าหน้าที่ของฟาร์มมาสอบถามเกษตรกรว่าต้องการให้ช่วยเหลืออะไรหรือไม่  รวมทั้งส่งเสริมให้ปลูกผัก  และมีการปันน้ำปุ๋ยมาให้เกษตรกรใช้รดผัก ทำให้ได้ผลผลิตดี  ทางฟาร์มต่อท่อมาให้เราใช้ เปิดรดพืชผักสวนครัว ผลผลิตที่ได้ เราก็ขายให้เจ้าหน้าที่ของฟาร์มด้วย มีรายได้จากการขายผลผลิตเพิ่ม  มีความสุุข ตอนนี้มีรายได้จากการขายผลผลิตประมาณ 4-5 พันบาทต่อเดือน

“ขอบคุณซีพีเอฟที่ช่วยเหลือและสนับสนุน อยากให้ซีพีเอฟปันน้ำให้ชาวบ้าน  เพราะน้ำปุ๋ยช่วยเกษตรกรที่ปลูกผักสวนครัว ปลูกข้าวโพด  แต่ก่อนต้นไม้ไม่ค่อยสดชื่น ชีวิตเราก็เหมือนต้นไม้ ตอนนี้ก็สดชื่นเหมือนต้นไม้ มีความสุข  มีรายได้มาเดือนละเท่านี้ก็ดีใจ” นางพรทิพย์ กล่าว

นางสาคร คงโนนนอก หรือป้าสาคร อายุ  56  ปี  พื้นเพชาวปราจีนบุรี  อาชีพทำนา และปลูกผักสวนครัว เล่าว่า เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีฟาร์มของซีพีเอฟเข้ามา ก็ทำนาอย่างเดียว พอเสร็จนา ก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ เพราะไม่มีน้ำ  ตอนแล้งก็ปล่อยไว้ไม่ได้ทำอะไร ลำบากพอสมควร พอมีฟาร์มซีพีเอฟเข้ามาแล้ว  ถ้าฝนไม่พอ ไม่มีน้ำ เราก็ขอน้ำปุ๋ยจากฟาร์มออกมาใช้ได้ ฟาร์มให้เรามาใช้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เวลาฝนทิ้งช่วง ก่อนที่เราจะหว่านข้าว เราก็ขอจากฟาร์มมาลงหน้าดินก่อนสักพักให้ดินชุ่มชื้น เพื่อที่เราจะหว่านข้าว พอหมดหน้านาเราก็เอาน้ำไปใส่ต้นยูคาลิปตัส  ใส่ต้นไม้ที่ปลูกรอบคันนา ทั้งต้นมะพร้าว ต้นกล้วย ที่ปลูกเติบโตดี

ป้าสาคร เล่าเพิ่มเติมว่า ตอนนี้มีอาชีพเสริมจากที่ฟาร์มส่งเสริมให้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์  ได้น้ำจากฟาร์มมาช่วย เพราะถ้าไม่มีน้ำจากฟาร์ม ก็ปลูกข้าวโพดไม่ได้  น้ำในบ่อมีไม่เพียงพอ ปีที่แล้วปลูกไปได้ไร่กว่า ๆ  ปีนี้เพิ่มมาเป็นประมาณ 3 ไร่ คาดว่ารายได้ก็น่าจะดีกว่าปีที่แล้ว  ดีใจที่เราได้รายได้เพิ่มขึ้นมาในช่วงแล้ง รายได้ที่เพิ่มขึ้น นำมาลงทุนทำนาข้าวต่อ

ด้านนายสามารถ ศรีกำปัง  ผู้จัดการฟาร์มนนทรี ซีพีเอฟ  กล่าวว่า ฟาร์มนนทรีนำน้ำปุ๋ยให้ชุมชนใช้มามากกว่า10 ปีแล้ว เกษตรกรให้ความมั่นใจเพราะน้ำปุ๋ยของเรา ใช้ได้จริง ได้ผลดี เกิดประโยชน์  ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น  รายได้จากการขายผลผลิตก็เพิ่มขึ้นด้วย  เนื่องจากฟาร์มมีการทำงานร่วมกันเป็นทีม เพื่อตรวจสอบคุณภาพน้ำ และวิเคราะห์สภาพดิน นอกจากนี้ เรายังส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยการนำน้ำปุ๋ยจากฟาร์มไปให้ใช้  ได้ผลเป็นอย่างดี  มีการขยายผลของโครงการ มีเกษตรกรเพิ่มขึ้นทุกๆปี

“เราปันน้ำปุ๋ยให้เกษตรกรรอบฟาร์มใช้  ช่วยให้เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตลดลง จากการลดการใช้ปุ๋ยเคมีลง 50%  ขณะที่น้ำปุ๋ยซึ่งมีธาตุอาหารของพืช ทำให้ผลผลิตของเกษตรกรเพิ่มขึ้น เกษตรกรมีรายได้จากการขายผลผลิต และสามารถปลูกพืชในช่วงแล้งได้  หรือในช่วงที่มีน้ำน้อย ก็ปลุูกพืชได้  เพราะได้รับน้ำปุ๋ยจากฟาร์มมาใช้ในการเพาะปลูก  หรือปลูกพืชอย่างอื่นเสริม  นอกจากพืชที่ปลูกอยู่เป็นประจำ ดีใจที่ช่วยให้เกษตรกรมีผลผลิตและมีรายได้เพิ่มขึ้น”   ผู้จัดการฟาร์มนนทรีของซีพีเอฟ กล่าว