ถอดรหัสกู้วิกฤติโควิด-19 ของ “กองทุนมิตรผล-บ้านปูฯ” ด้วยแนวคิด “Agile Collaboration” มุ่งช่วยเหลือสังคมไทยอย่างรวดเร็ว คล่องตัว และทั่วถึง

นายบรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ กลุ่มมิตรผล

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ของประเทศไทยที่เริ่มแพร่กระจายเป็นวงกว้างตั้งแต่ต้นปี 2563 และทวีความรุนแรงขึ้นในแต่ละระลอก จนในปัจจุบัน มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงกว่าการระบาดในทุกๆ ครั้ง จะเห็นได้ว่ากว่าหนึ่งปีเศษที่ทุกคนต้องรับมือและใช้ชีวิตอยู่กับวิถี New Normal รวมถึงความเหน็ดเหนื่อยของบุคลากรทางการแพทย์ หรือทีมด่านหน้าที่ต้องรับมือในการบรรเทาวิกฤติอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามาร่วมกันสนับสนุนเพื่อช่วยให้คนไทยก้าวข้ามวิกฤติ สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ระบบสาธารณสุขมีความเข้มแข็ง และพลิกฟื้นคืนเศรษฐกิจให้กลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง

หนึ่งในภารกิจช่วยเหลือจากองค์กรภาคเอกชนที่เป็นกำลังสำคัญในการบรรเทาผลกระทบมาโดยตลอด ตั้งแต่การเริ่มแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกแรก คือ “กองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทย สู้ภัย COVID-19” ที่กลุ่มมิตรผลและบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ร่วมกันจัดตั้งขึ้นด้วยจำนวนเงินรวม 500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุขที่จำเป็นในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19
แก่โรงพยาบาล หน่วยงานสาธารณสุขต่างๆ หน่วยงานราชการทั่วประเทศ รวมถึงให้การช่วยเหลือในคลัสเตอร์ต่างๆ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึง รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กองทุนนี้ ได้มอบความช่วยเหลือให้กับ 215 หน่วยงาน ใน 35 จังหวัด รวมมูลค่ากว่า 280 ล้านบาท

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)

หากมองย้อนไปถึงวิธีการทำงานของ “กองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทย สู้ภัย COVID-19” ที่นำโดย
2 แม่ทัพใหญ่ในแวดวงธุรกิจชั้นนำของไทย นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และนายบรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ กลุ่มมิตรผล บทเรียนจากแนวทางการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของกองทุนฯ ในรูปแบบของการให้ (Philanthropy) เพื่อยับยั้งวิกฤติระดับชาติครั้งนี้ คือหลัก “Agile Collaboration” ทำงานอย่างรวดเร็วและไม่ซ้ำซ้อน โดยแต่ละบริษัทจะแยกย้ายกันไปบริหารจัดการ และร่วมมือกันในบางโครงการ พร้อมกับสื่อสารกันตลอดเวลา ด้วยทีมงานขนาดเล็ก ทำให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วและคล่องตัว ตั้งแต่การหาข้อมูล การตัดสินใจ ไปจนถึงการอนุมัติให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน จนเกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังกระจายความช่วยเหลือในเครือข่ายที่ไม่ทับซ้อนกัน ทำให้เข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง และส่งมอบความช่วยเหลือที่จำเป็นในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทันเวลา

นายบรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ กลุ่มมิตรผล

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายองค์ประกอบที่ทางกองทุนฯ ใช้เป็นแนวทางการดำเนินงาน ได้แก่

  • ช่วยเหลืออย่างตรงจุด ประสานและทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขของภาครัฐ เพื่อชี้เป้าว่าอะไรที่ยังขาดแคลน และจะช่วยกู้วิกฤติเพื่อผลลัพธ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้ โดยมุ่งสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุขที่จำเป็นในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ยังช่วยเหลือภาคประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนด้านปากท้องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ ด้วยการมอบ ถุงยังชีพให้แก่ชุมชนที่ขาดรายได้หาเลี้ยงตนเองและครอบครัว ตลอดจนส่งเสริมการจ้างงานในภาวะที่ตลาดซบเซา เช่น จ้างบริษัทที่มีเครือข่ายจำหน่ายสินค้าทั่วประเทศในการผลิตหน้ากากอนามัยเพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชนหลากหลายพื้นที่
  • สร้างความมั่นใจให้บุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการทำประกันชีวิตและสุขภาพให้แก่ทีมด่านหน้า
    เพื่อเป็นหลักประกันการรักษาบุคลากรทางการแพทย์และ อสม. กรณีได้รับเชื้อโควิด-19 ช่วยสร้างขวัญและกำลังใจในการเป็นเสาหลักของประเทศที่จะบรรเทาวิกฤติให้ผ่านพ้นในเร็ววัน
  • มีเครือข่ายที่กว้างขวาง มิตรผลและบ้านปูต่างมีเครือข่ายในประเทศ ทั้งหน่วยงานส่วนกลาง หน่วยงานระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล ไปจนถึงชุมชนท้องถิ่น ทำให้สามารถกระจายความช่วยเหลือสู่ระดับท้องถิ่นได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็ว ครอบคลุมทั้งหน่วยงานทางการแพทย์ ประชาชนและชุมชนในพื้นที่ รวมถึงการมีเครือข่ายในต่างประเทศ เช่น การมีพาร์ทเนอร์ธุรกิจในประเทศจีน ทำให้สามารถจัดหาและนำเข้าเครื่องมือทางการแพทย์ในการระบาดระลอกแรก ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยและทั่วโลกเกิดภาวะขาดแคลนอุปกรณ์
    ที่จำเป็นต่อการรับมือกับโรคอุบัติใหม่นี้
  • ไม่มองข้ามหน่วยงานเล็กๆ และชุมชน กองทุนฯ ตระหนักถึงความสำคัญของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งเปรียบได้กับ “มดงาน” และกลุ่มตำรวจตระเวนชายแดน ที่เป็นกองกำลังหลักในการให้ความรู้ และป้องกันการระบาดของโควิด-19 ในระดับชุมชนและหมู่บ้าน รวมถึงพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือและภาคใต้ที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ยังเน้นการลงพื้นที่ในชุมชนและสนับสนุนผ่านมูลนิธิต่างๆ ในการแจกจ่ายอุปกรณ์ป้องกันด้านสุขอนามัยและเครื่องอุปโภคบริโภค เช่น หน้ากากผ้า ถุงยังชีพ และตู้มิตรปันสุข เป็นต้น
มอบหน้ากากผ้า ให้ครูและนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ

ในวันนี้ “กองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทย สู้ภัย COVID-19” ยังคงเตรียมพร้อม และเดินหน้าช่วยเหลือให้คนไทยสามารถก้าวผ่านวิกฤตินี้โดยเร็วที่สุด ซึ่งการระบาดระลอกครั้งล่าสุดนี้ กองทุนฯ ได้ให้ความสำคัญกับความช่วยเหลือในพื้นที่เฉพาะเจาะจงที่ได้รับผลกระทบมากขึ้น โดยเน้นจุดคลัสเตอร์ต่างๆ ที่กระจายในหลายพื้นที่ เช่น การสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับสำนักงานเขตบางแค ชุมชนคลองเตย และทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ นอกจากนี้ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดการ
แพร่ระบาด เจ็บป่วย และเสียชีวิต โดยร่วมกับสำนักงานประกันสังคมเขต 12 สนับสนุนพื้นที่ของอาคารเพลินจิต
เซ็นเตอร์ให้เป็นจุดฉีดวัคซีนแก่ประชาชน อีกทั้งยังได้สนับสนุนโครงการวัคซีนเพื่อคนไทย ของมูลนิธิซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อให้คนไทยได้ใช้วัคซีนโดยฝีมือคนไทยอีกด้วย ทั้งนี้ กองทุนฯ คาดหวังว่าภารกิจช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติ จะสร้างแรงบันดาลใจให้ภาครัฐ เอกชน และประชาชน ร่วมมือกันส่งต่อความช่วยเหลือและกำลังใจไปยังบุคลากรด่านหน้า ตลอดจนผู้ที่เดือดร้อนด้านปากท้องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ

มอบห้องตรวจเชื้อความดันลบ บวก (รพ ศิริราช)

เกี่ยวกับ “กองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทย สู้ภัย COVID-19”

กลุ่มมิตรผลและบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันจัดตั้ง “กองทุนมิตรผล- บ้านปู รวมใจช่วยไทย สู้ภัย COVID-19”เมื่อเดือนมีนาคม 2563 งบประมาณรวม 500 ล้านบาท โดยเป็นการระดมทุนกันบริษัทละ 250 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุขที่จำเป็นในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แก่โรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงให้การช่วยเหลือภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยปัจจุบัน กองทุนฯ ได้มอบความช่วยเหลือรวมแล้วกว่า 280 ล้านบาท ให้กับหน่วยงานต่างๆ กว่า 215 หน่วยงาน ใน 35 จังหวัด

เกี่ยวกับบ้านปู

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรแห่งเอเชีย-แปซิฟิก ดำเนิน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจแหล่งพลังงาน ธุรกิจผลิตพลังงาน และธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานใน 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาว มองโกเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม

เกี่ยวกับกลุ่มมิตรผล

กลุ่มมิตรผล เป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 6 ของโลก และอันดับ 1 ในเอเชีย ด้วยจำนวนโรงงานน้ำตาล 16 แห่ง โรงไฟฟ้า
ชีวมวล 11 แห่ง และโรงงานผลิตเอทานอล 4 แห่ง พร้อมเกษตรกรชาวไร่อ้อยในความดูแลจำนวนกว่า 143,000 รายในประเทศไทย ลาว จีน ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย นอกจากนี้ กลุ่มมิตรผลยังเป็นผู้ผลิตพลังงานชีวมวลรายใหญ่ในเอเชีย และยังดำเนินงานในธุรกิจวัสดุทดแทนไม้ ธุรกิจปุ๋ย และธุรกิจลอจิสติกส์ในอุตสาหกรรมเกษตร

ส่งมอบความช่วยเหลือแก่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
สนับสนุนการตรวจพื้นที่เชิงรุกผ่านโรงพยาลซีจีเอช
สนับสนุนชุมชุมคลองเตย ผ่านมูลนิธิดวงประธีป
เพลินจิตเซ็นเตอร์ให้เป็นจุดฉีดวัคซีนแก่ประชาชน โดยร่วมกับสำนักงานประกันสังคมเขต