บริสุทธิ์ ประสพทรัพย์ : 2562 จีนโบกมือลา ลั้ลลาเที่ยวเมียนมาแทนไทย

ณ วันนี้กระแสตลาดทัวร์จีนเที่ยวไทยยังสับสนที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้รวบรวมสถิติจีนทัวร์ไทยแล้วโยนให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำไปใช้เป็นข้อมูลกำหนดกลยุทธ์ และวางยุทธศาสตร์ส่งเสริมตลาดจีนเที่ยวไทย

ทั้งสองหน่วยงานยังคงพูดเป็นเสียงเดียวกัน จีนเที่ยวไทยปีล่าสุด 2561 ทะลุเป้า 10.5-11 ล้านคนแน่นอน โดยไร้ซึ่งปัญหาเรื่องทัวร์จีนออกอาการงอนงดเที่ยวไทย

ด้านสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ “แอตต้า” ซึ่งมีสมาชิกเป็นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ออกโรงแจ้งสถิติจีนเที่ยวไทยผ่านภาคเอกชนว่าอยู่ในแดนบวกระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม

แต่พอเดือนมิถุนายนกลับดิ่งลงแดนลบ -2.04%

เดือนกรกฎาคมเรือล่มภูเก็ตดิ่งวูบไปที่ -22.17% และดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในเดือนสิงหาคม -36.49% กันยายน -39.20%

ถึงตุลาคมเป็นสัปดาห์ทอง (Golden Week) ของจีน แอตต้าบอกจีนเที่ยวไทยหายไป -80.61%

เท่ากับช่วง 10 เดือนปีที่แล้ว แอตต้าเคาะตัวเลขจีนได้ 2,595,302 คน ดิ่งเหวไป -24.98% ทำให้ตัวเลขสองฝ่ายคือกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กับแอตต้าต่างกันโดยสิ้นเชิง?

 

ในเมื่อภาพรวมจริงๆ ขณะนี้ทัวร์จีนเที่ยวไทยหดตัวหายไปแล้วอย่างที่เห็น โดยภูเก็ตเกาะสวรรค์มังกรจีนอ่วมหนักหล่นตุ๊บเหลือแค่ 50% จากที่เคยมีมา จนผู้ประกอบการต้องหันไปพึ่งตลาดรัสเซีย แบบขายห้องพักดั๊มพ์ราคาต่ำจนน่าใจหาย เพื่อสร้างแรงจูงใจเอเย่นต์หมีขาว

“ปัญหาที่ทัวร์จีนออกแรงตอบโต้ไทย ก็ตรงรัฐบาลไม่เสถียรกับบทบาทการรองรับตลาดจีนทั้งระยะสั้นและอนาคต” ผู้ประกอบการรายหนึ่งเผย

และว่า “การออกมาตรการปราบทัวร์ 0 เหรียญจีนแบบสายฟ้าแลบที่ผ่านมาถือเป็นเรื่องดีกับการส่งเสริมตลาดจีนระยะยาว แต่ดูจะเป็นไฟไหม้ฟาง เพราะปัญหานี้เกิดมานานแล้วแก้ไม่ได้เสียที และไม่ได้เริ่มกันที่ทัวร์จีน หากแต่เป็นทัวร์ยุโรปอย่างฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ที่ไกด์จะใช้วิธีนำลูกทัวร์เข้าร้านค้าประเภทจิวเวลรี่ เพื่อฟันค่าน้ำในการทำทัวร์”

จนต่อมาทัวร์เอเย่นต์ระดับยักษ์เมืองไทยต้นสังกัดรู้เท่าทันไกด์ จึงคิดตัดทอนเส้นทางทำกิน โดยรวบเอาค่าน้ำทั้งหมดจากร้านค้ามาเป็นผลประโยชน์ตัวเอง ภายใต้สัญญาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ที่ว่าเมื่อจะให้ทัวร์ลงช้อปต้องมีค่าน้ำตอบแทน แบบวัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง

ทัวร์จีนเพิ่งถูกจูงจมูกเข้าเส้นทางทัวร์สีเทา 0 เหรียญ เมื่อจีนเปิดโอกาสให้คนของเขาออกเที่ยวนอกประเทศรวมไทยเมื่อราว 30 ปีก่อนได้ โดยคนทำทัวร์รุ่นเก่าๆ บอกกำเนิดทัวร์รูปแบบนี้ ไม่ได้เกิดเฉพาะกับกลุ่มธุรกิจร้อยล้านพันล้านอย่างที่เป็นคดีกัน

ทว่าโยงใยไปถึงทัวร์รายเล็กรายย่อย ที่ติดเบ็ดเข้าไปในวงโคจรอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

ทำให้ธุรกิจทัวร์จีนเที่ยวไทยและธุรกิจไทยขายทัวร์จีนพลอยเจ๊งวินาศสันตะโรไปตามๆ กัน หลังปล่อยให้ทำมาค้าขายกันมานานกว่า 3-4 ทศวรรษ ประดุจปล่อยผีเต็มป่าช้า!

และเหมือนผีซ้ำด้ำพลอยเมื่อเรือฟีนิกซ์เกิดล่มที่ภูเก็ต ทำให้นักท่องเที่ยวจีนตายทันที 47 ชีวิต บาดเจ็บอีกครึ่งร้อย องค์กรท่องเที่ยวไทยทำได้แค่แจกเงินเยียวยาศพละ 1 ล้านบาท บาดเจ็บคนละ 5 แสนบาท ซึ่งไม่มีประเทศไหนในโลกทำ…ยกเว้นไทย!

แทบไม่เคยมีมาตรการบ่งชี้ถึงความมั่นคงต่อชีวิตและทรัพย์สิน นอกจากสร้างแต่แรงจูงใจ เที่ยวไทยไม่ต้องกังวลเรื่องภัย รัฐบาลไทยประกันชีวิตให้เรียบร้อยแล้วหัวละ 1 ล้านบาท

นี่กระมัง?…ที่เป็นนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่ยุคนี้!?

 

จึงไม่แปลกที่สองประเด็นปัญหาดังกล่าว พาลพาให้หักเป็นปมชนวนทัวร์จีนเมินเที่ยวไทย ไม่นับชายจีนถูกเจ้าหน้าที่ตบหน้า สาวจีนถูกฆาตกรรมที่หาดใหญ่ จีนถึงเริ่มหันหลังพร้อมเบนเข็มเที่ยวมิตรประเทศแทน อย่างญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม

และล่าสุดคือ…เมียนมา!

มาย้อนประวัติศาสตร์หลังรัฐบาลทหารเมียนมา ยอมเปิดทางให้รัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญเข้ามาบริหารประเทศ นับแต่ปี 2553 ซึ่งได้เริ่มเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวไปพร้อมกัน ด้วยทรัพยากรท่องเที่ยวที่มีล้นเหลือ ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี โบราณสถาน โบราณวัตถุ วิถีชุมชน ที่ล้วนยังดิบและทรงคุณค่า น่าจับต้องเพราะยังไม่ถูกหยิบใช้จนหมองมือ

กระทั่งต่อมา…เมียนมาเริ่มรู้ว่าตลาดจีนกำลังผิดหวังบทบาทท่องเที่ยวไทย ประจวบกับเมียนมาเตรียมออกมาตรการฟรีวีซ่า 15 วันให้ทัวร์จีน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2561 เพื่อรับ ค.ศ.2019 หรือ พ.ศ.2562

ผลตามมาคือ เอเย่นต์ทัวร์จีนที่ชีช้ำจากการขายจีนเที่ยวไทย หันหัวใหม่ไปขายจีนเที่ยวเมียนมาทันที โดยมีทัวร์โอปะเรเตอร์ท้องถิ่นรับประสานความร่วมมืออย่างไม่รังเกียจ

ขณะเดียวกันก็ชวนทัวร์โอปะเรเตอร์ไทยที่ประสบชะตากรรมเดียวกัน ย้ายฐานไปทำทัวร์จีนที่กรุงย่างกุ้งเมืองหลวงเก่า และเป็นฮับทัวร์จีนขณะนี้ เนื่องจากเจ้าของประเทศพร้อมเปิดน่านฟ้ารับเที่ยวบินจีนบินตรงจากกรุงปักกิ่งสู่ย่างกุ้งด้วยเวลา 5 ชั่วโมง 20 นาที กับมีสายการบินพันธมิตรต่างชาติอีกหลายสาย บินผสมโรงประจำทุกวัน

นอกจากนี้ยังมีเส้นทางบินเชื่อมจากเมืองรองของจีนสู่ปักกิ่งก่อนบินตรงสู่ย่างกุ้ง กับเมืองรองเชื่อมคุนหมิง นานหยวน

ซึ่งไม่ยุ่งยากอะไรที่ทัวร์จีนจะเลือกลั้ลลาเมียนมา

 

ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวกลุ่มจีนตอนล่าง แถบมณฑลยูนนานอย่างคุนหมิงและหนานหนิง เขตปกครองตนเองกวางสี สามารถใช้เส้นทางอาร์ 3 เอ เดินทางจากคุนหมิงผ่านจิ้งฮงหรือเชียงรุ้ง ก่อนจรดชายแดนเมียนมาที่ต้าล่อ เข้าเมืองลาเขตปกครองว้าแดง ไปจนถึงเมืองเชียงตุงแห่งรัฐฉาน

จากนั้นจะเลือกเดินทางต่อไปยังเมืองตองยี แหล่งทะเลสาบน้ำจืดผืนใหญ่ 116 ตร.ก.ม. และเป็นแหล่งชุมชนกลางท้องน้ำให้ทัวร์จีนสัมผัส

แต่ต้องไม่พลาดเพชรเม็ดงามของเมียนมา อันได้แก่ พระธาตุชเวดากอง เหมือนมาไทยต้องไปวัดพระแก้ว กับไปพุกาม มัณฑะเลย์ เที่ยวชมทะเลเจดีย์นับพันองค์ ให้อะเมซิ่งเหมือนกรุงเก่าอยุธยา

ที่นี่ยังเป็นแหล่งค้าหยกเครื่องประดับเรื่องโชคลาภสำคัญของคนจีน โดยบัดนี้เหล่าพ่อค้าหยกชาวจีนได้เข้าไปยึดหัวหาด ทำการค้าหยกกับทัวร์จีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

สินค้าท่องเที่ยวเมียนมายังมีทะเลฝั่งอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่แม้จะยังขาดการพัฒนา

แต่ความสวยงามยังไม่ถูกคุกคามจากกระแสคนไปย่ำอย่างสิมิลันบ้านเรา ทรัพยากรที่โดดเด่นและเมียนมาหวงแหนมานาน เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวไปเยือนได้เมื่อไม่นานวันมานี้ คือเมืองคะฉิ่นซึ่งอยู่ทางตอนเหนือติดพรมแดนอินเดีย มีเทือกเขาหิมาลัยอยู่เคียงข้างกับหิมะที่ปกคลุมขาวโพลนสะดุดตา

ด้วยปัจจัยบวกด้านท่องเที่ยวที่เมียนมามีนี่แหละ ที่ส่งเสริมและผลักดันให้กลายเป็นแม่เหล็กพลังสูงในการใช้ดูดทัวร์จีนที่สะบัดก้นทิ้งไทยไปได้นับแต่ปี 2562 เป็นต้นไป

กระทรวงโรงแรมและการท่องเที่ยวเมียนมา เปิดเผยว่า เมื่อปี 2557 หลังจากที่นั่นยุติการปกครองโดยทหารตั้งแต่ปี 2553 ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติไปท่องเที่ยวแล้ว 3.5 ล้านคน และเพิ่มเป็น 4.2 ล้านคนในปีถัดมา เมียนมายังตั้งเป้าไว้ด้วยว่า ปี 2562 จะเพิ่มเป็น 7.5 ล้านคนให้ได้ตามแผนพัฒนาท่องเที่ยวที่วางไว้ บวกปรากฏการณ์ส้มหล่นทัวร์จีนหนีไทยอีกต่างหาก

กระทรวงโรงแรมฯ เมียนมาบอกด้วยว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไปมากสุดมาจากโซนเอเชีย ประกอบด้วย ไทย จีน เวียดนาม และก็ญี่ปุ่น สูงถึง 67% จากคนไปเที่ยวทั้งหมด

ด้านองค์กรท่องเที่ยวจีนเผยบ้างว่า ตลอดปี 2560 จีนเที่ยวเมียนมาราว 2 แสนคน ครั้นปี 2561 ที่เพิ่งสิ้นสุดไปหมาดๆ 6 เดือนแรกของปีดังกล่าว จีนเกิดกระแสเที่ยวเมียนมาเพิ่มขึ้นถล่มทลาย 36% หรือ 1.3 แสนคนเข้าไปแล้ว

ตอกย้ำให้เห็นอีกนะว่า ช่วงโกลเด้นวีกของจีน 1-7 ตุลาคม ช่วงนั้นจีนแห่เที่ยวเมียนมาแบบก้าวกระโดดสูงถึง 166% ขณะช่วงเดียวกันจีนเที่ยวไทยกลับลดไป 15-50% เพราะงอนไทยที่ไม่ถนอมน้ำใจจีน ทำให้ทัวร์จีนเจ๊งกันระเนระนาดวินาศสันตะโร

จีนจึงตัดสินใจขอเปิดหมวกโบกมือลา ลั้ลลาเที่ยวเมียนมาแทนไทย โดยไม่รู้ตรุษจีนปีนี้จะหวนคืนกลับมาเหมือนวันวานที่ผ่านมา หรือจะงอนลากยาวแบบง้อก็ไม่เลิก?

บทเรียนนี้จึงสอนให้รู้ว่า การเลือกโหนแต่กระแสตลาดทัวร์จีนอย่างไม่โงหัว วันหนึ่งก็ต้องพบกับความสูญเสียตามภาษิตจีนที่ว่า “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา” อีกคำรบหนึ่ง!