สำรวจพบความนิยมต่อการค้าโลกเพิ่มขึ้นในประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ช่วงเวลาที่ดีของเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาได้ทำให้ความนิยมเรื่องการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา โดยมีชาวอเมริกันจำนวนเพิ่มมากขึ้นที่ระบุว่ามีการสร้างงาน ค่าจ้างเพิ่มขึ้นและราคาสินค้าถูกลง อ้างอิงจากผลสำรวจของศูนย์วิจัยพิวที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 26 กันยายน

ผลสำรวจทัศนคติใน 27 ประเทศของศูนย์วิจัยพิวยังแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่พัฒนาขึ้นต่อการค้าระหว่างประเทศในเขตเศรษฐกิจ อาทิ ฝรั่งเศส โปแลนด์ ญี่ปุ่นและอินเดีย

อย่างไรก็ตาม ชาวอเมริกันมีความกังขาต่อผลประโยชน์ทางการค้ามากกว่าผู้ที่ถูกสำรวจในเขตเศรษฐกิจใหญ่แห่งอื่นๆ

ผลสำรวจพบว่า ในเขตเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วหลายแห่งของโลก มีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่เชื่อว่าการค้าจะทำให้พวกเขามีฐานะดีขึ้นจากการได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้น หรือสร้างงานเพิ่มขึ้น

นายบรูซ สโต๊กส์ ผู้อำนวยการฝ่ายทัศนคติต่อเศรษฐกิจโลกของศูนย์วิจัยพิวระบุว่า ความนิยมต่อการค้าที่เป็นบวกสอดคล้องกับช่วงเวลาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

“สิ่งที่พวกเราทั้งหมดเชื่อว่าเป็นจริงนั่นคือหากคุณรู้สึกดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจ คุณจะรู้สึกดีกับหลายสิ่งหลายอย่าง” นายสโต๊กส์กล่าว

ทัศนคติต่อการค้าโลกดีขึ้นแม้ว่าจะมีคลื่นการเมืองแบบชาตินิยมทั้ง 2 ฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติก จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐก่อสงครามการค้ากับชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ และอังกฤษลงมติออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิท

ผลสำรวจพบว่า ราว 3 ใน 4 ของชาวอเมริกันในตอนนี้ระบุว่าการค้าระหว่างประเทศนั้นดี ขณะที่กลุ่มตัวอย่างโดยเฉลี่ย 83 เปอร์เซ็นต์ใน 9 ประเทศ รวมถึงฝรั่งเศส เยอรมนี เม็กซิโก รัสเซีย และเกาหลีใต้รู้สึกแบบเดียวกัน