คลังปรามแบงก์ชาติขึ้น ดบ. / เปิดงบฯ แสนล้าน ก.เกษตรปี “62 / ดีแทคผนึกแคทป้องลูกค้าซิมดับ / เที่ยวชุมชนดันเมืองรองโต

แฟ้มข่าว (เศรษฐกิจ)

คลังปรามแบงก์ชาติขึ้น ดบ.

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแล้วนั้น มองว่าการพิจารณาดอกเบี้ยเป็นอำนาจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงต้องนำปัจจัยต่างๆ มาพิจารณาประกอบ และต้องชั่งน้ำหนักให้ดี เหมือนกับกรณีธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งภายในปีนี้ แต่เมื่อเกิดปัญหาสงครามการค้าขึ้น เฟดก็ชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ความจำเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยของไทย มองว่ายังไม่มีปัจจัยที่จำเป็นที่ต้องขึ้นดอกเบี้ยในขณะนี้ เพราะเงินเฟ้อก็ยังไม่ถึงเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งหากมีการขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้รัฐบาลมีต้นทุนสูงขึ้นจากภาระดอกเบี้ยเงินกู้การลงทุนอาจจะลดลง ส่วนประชาชนและเอกชนก็จะมีความสามารถในการชำระหนี้ลดลง อย่างไรก็ดี ทั้งหมดไม่น่าเป็นประเด็นกังวล เพราะสามารถบริหารจัดการได้ และถ้า กนง.ขึ้นดอกเบี้ยจริงก็ไม่น่าจะกระทบมาก

คนร.มอบนโยบายรัฐวิสาหกิจ

นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เปิดเผยผลการประชุม คนร.ครั้งที่ 3/2561 มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ภาพรวมรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น และได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจกับพนักงาน สหภาพแรงงานและผู้ที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหา และ คนร.ได้ให้นโยบาย อาทิ การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้เร่งดำเนินการตามแผนงาน National Premium Airline สร้างผลประกอบการและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ให้เร่งจัดหารถโดยสาร 3,183 คันโดยด่วน เพื่อให้บริการประชาชนในราคาค่าบริการที่มีความเป็นธรรม การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เร่งโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรางที่สำคัญได้เป็นไปตามแผนงาน รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพย์สินของ ร.ฟ.ท. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) ให้เร่งฟื้นฟูกิจการให้มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ รวมทั้งขยายฐานลูกค้ามุสลิมให้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ คนร.รับทราบข้อเสนอของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในการควบรวมกิจการบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และเห็นชอบการแต่งตั้งคณะทำงานเตรียมการรวมกิจการฯ โดยมอบหมายให้กระทรวงดีอี ทีโอที และ กสท จัดทำรายละเอียดในการควบรวมกิจการฯ ข้างต้นให้ครบถ้วนภายในเดือนพฤศจิกายนนี้เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป

เปิดงบฯ แสนล้าน ก.เกษตรปี “62

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 2562 ได้รับจัดสรรงบฯ ปี 2562 จำนวน 111,762 ล้านบาท จะเน้นดำเนินการ 2 เรื่องหลัก คือแผนงานบูรณาการพัฒนาศักยภาพการผลิตภาคเกษตรและการบริหารจัดการน้ำ วงเงินรวม 51,631 ล้านบาท แบ่งเป็นแผนงานบูรณาการพัฒนาศักยภาพการผลิตภาคเกษตร 7,460 ล้านบาท เน้นการบริหารจัดการสินค้าเกษตร (Product Base) วางเป้าหมายบริหารจัดการสินค้าเกษตร 5 รายการหลัก คือข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และยางพารา และบวกอีก 4 รายการคือ สับปะรด มะพร้าว ปศุสัตว์ และประมง และให้เกษตรกรเป็นศูนย์กลางพัฒนา (Farmer-Center) มีเป้าหมายให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนการบริหารจัดการน้ำ วงเงิน 44,171 ล้านบาท ใช้เพื่อจัดหาแหล่งน้ำ เพิ่มพื้นที่ชลประทาน และบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำต่างๆ มีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 213,813 ไร่

ดีแทคผนึกแคทป้องลูกค้าซิมดับ

นางอเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค เปิดเผยว่า ดีแทคได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือแคท ก่อนหมดสัญญาสัมปทานระหว่างกันบนคลื่นความถี่ย่าน 850 เมกะเฮิร์ตซ์ ในวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีการลงนามในสัญญา 2 ฉบับ ระหว่าง แคท ดีแทค และบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ได้แก่ สัญญาระงับข้อพิพาทและให้บริการเกี่ยวกับเสาโทรคมนาคม และสัญญาการขอใช้อุปกรณ์โทรคมนาคม โดยตามสัญญาใหม่นี้มีข้อตกลงว่าดีแทคจะโอนเสาโทรคมนาคมที่สร้างไว้ระหว่างสัมปทานให้แคท และแคทจะให้บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ใช้บริการเสาดังกล่าว จำนวน 8,815 แห่งทั่วประเทศ โดยดีแทค ไตรเน็ตจะชำระค่าใช้เสาล่วงหน้าในวันลงนามในสัญญา มูลค่า 3.2 พันล้านบาท และชำระค่าบริการรวม 3 พันล้านบาทต่อปี ระยะสัญญาขั้นต้น 8 ปี และสามารถต่ออายุสัญญาได้ เพื่อให้ลูกค้าดีแทคมั่นใจในการใช้งานหลังหมดสัมปทานได้ว่าจะยังใช้งานได้ตามปกติ (ซิมไม่ดับ) ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวส่งผลประโยชน์ต่อลูกค้าและอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในช่วงเปลี่ยนผ่านสัมปทาน

เที่ยวชุมชนดันเมืองรองโต

นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จัดงานไทยแลนด์ วิลเลจ ทัวริซึ่ม เทรดมีท 2018 เพื่อเป็นเวทีให้ 56 ชุมชนเมืองรองจากทั่วประเทศ ที่ผ่านการคัดเลือกชุมชนในพื้นที่เมืองรองที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวมีอัตลักษณ์โดดเด่นของตนเอง มาพบปะเจรจาธุรกิจกับบริษัททัวร์ เอเยนซี่ท่องเที่ยวออนไลน์ และองค์กรเอกชน เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพให้เมืองรองอยู่ได้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ททท.มีแผนดำเนินการแบ่งเป็น แผนเอ คือการขายแพ็กเกจท่องเที่ยวเมืองหลักพ่วงเมืองรอง เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ต่อด้วยจังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน แผนบี ดึงศักยภาพของเมืองรองผ่านจุดเด่นและของดีของเมืองตัวเองมาเป็นจุดขาย และแผนซี จัดทำแพ็กเกจการท่องเที่ยวเมืองรอง มั่นใจว่าจะสามารถขยายอัตราการเติบโตการท่องเที่ยวเมืองรองเพิ่มเป็น 12% ในปีนี้

และคาดว่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวให้เที่ยวเมืองรองมากขึ้นเป็น 35% จากปัจจุบัน 30% และนักท่องเที่ยวเที่ยวเมืองหลัก 65% จากปัจจุบัน 70%