E-DUANG : คำตอบ มิได้อยู่ บนถนน หากแต่อยู่ คูหา เลือกตั้ง

ภาพแต่ละภาพอันแสดงความต่อเนื่องจากสถานการณ์การเดินทางจาก”ชั้น 14”โรงพยาบาลตำรวจ ไปยัง”บ้านจันทร์ส่องหล้า” เหมือนกับหนังม้วนเก่า

ก่อให้เกิดนัยประหวัดไปยังการเคลื่อนไหวก่อนเกิดรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 และต่อเนื่องมายังก่อนรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

เห็นคนใส่เสื้อเหลือง อันละม้ายกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เห็นคนที่เคยออกมาเป่านกหวีดอันละม้ายกับมวล มหาประชาชนกปปส.

เป็นภาพตั้งแต่หลังสถานการณ์เมื่อเดือนสิงหาคม 2566 มาแล้ว ไม่ว่าจะมองไปยังหน้าโรงพยาบาลตำรวจ ไม่ว่าจะมองไปยังหน้าทำเนียบรัฐบาล

ต้องยอมรับว่าเป็นภาพอันสะท้อน”ปริมาณ”ที่น้อยมากหาก เทียบกับที่เคยบุกยึดทำเนียบรัฐบาล หากเทียบกับที่เคยนั่งอยู่บนถนนราชดำเนิน

บทสรุปอันเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติก็คือ “จุดไม่ติด” เหตุการณ์ไม่เหมือนกับเมื่อปี 2549 ไม่เหมือนกับเมื่อปี 2557

เท่ากับยืนยันถึงสภาวะที่”ประเทศไทย”ไม่เหมือนเดิมเด่นชัด

 

ไม่เพียงแต่ไม่เหมือนเดิมกับในห้วงก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 ไม่เพียงแต่เหมือนเดิมกับในห้วงก่อนรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

หากยังไม่เหมือนเดิมกับในห้วงเดือนพฤษภาคม 2553 และไม่เหมือนเดิมกับในห้วงเดือนตุลาคม 2563 อีกด้วย

มองอย่างผิวเผินเท่ากับแสดงให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวอย่างอึกทึกครึกโครมเหมือนอย่างที่เคยเกิดในเดือนตุลาคม 2516  หรือเดือนตุลาคม 2563 ไม่น่าจะมีอีกแล้ว

คำถามก็คือ เมื่อไม่มีการเคลื่อนไหวบนท้องถนนอย่างอึกทึก ครึกโครมเช่นที่เคยเห็นครั้งแล้วครั้งเล่าในกาลอดีตแล้วสังคมฝาก ความหวังในการเคลื่อนไหวไปอยู่ที่ใด

คำตอบที่ปรากฏขึ้นอย่างหนักแน่นและจริงจังมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับก็คือ รอ”การเลือกตั้ง”ใช้”การเลือกตั้ง”เป็นหนทางออก

หากเป็นจริงมั่นใจได้เลยว่า”เลือกตั้ง”ครั้งหน้า”ร้อนแรง”

 

หากติดตามแต่ละ”ปฏิกิริยา”ในทางสังคมนับแต่การเลือกตั้งเมื่อ เดือนพฤษภาคม 2566 เป็นต้นมา ก็จะเห็นได้ถึง”แนวโน้ม”เป็นแนวโน้มแห่งการแตกกระจายในทาง”ความคิด”

ไม่ว่าจะมองไปยังกว่า 14 ล้านเสียงของพรรคก้าวไกล ไม่ว่า จะมองไปยังกว่า 10 ล้านเสียงของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะมองไปยังกว่า 4 ล้านเสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติ

มองเห็นการร่วมกันในทาง”ความคิด” มองเห็นการแตกและแยกตัวในทาง”ความคิด”อันจะเป็นสีสันแห่ง”การเลือกตั้ง”