เผยแพร่ |
---|
ทำท่าว่ากรณี”การแปรอักษร”อันเนื่องแต่ความขัดแย้งในระหว่างการแข่งฟุตบอลประเพณี”จตุรมิตร”จะบานปลาย
พลันที่เห็นภาพ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ปรากฏ
แม้ในฐานะศิษย์เก่า”กรุงเทพคริสเตียน” นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็มีสิทธิ์และความชอบธรรมอย่างสมบูรณ์ในการไปเชียร์ทีมโรงเรียนของตน
กระนั้น จากปัจจัยแห่งความเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นั่น แหละทำให้กลายเป็นเรื่องเด่นประเด็นร้อน
1 มีคนสวมเสื้อ”เทพศิรินทร์”ไปโห่ร้องตะโกน”ไล่”
แม้จะมีการสืบสาวให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าคนสวมเสื้อ”เทพศิรินทร์” มาจากสำนักข่าวหนึ่งซึ่งยืนอยู่ตรงกันข้ามกับพรรคก้าวไกล ตรงกันข้ามกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
กระนั้น บรรดาคนที่หงุดหงิดกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็พร้อมอ้าแขนโอบรับ
ขณะเดียวกัน 1 พลังแห่งความหงุดหงิดนั้นเองนำไปสู่การขุด
ข้อมูลของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลึกอย่างยิ่งถึงระดับเห็นว่าแอบอ้างเข้าร่วมแปรอักษรตั้งแต่ยังเรียนประถม
เห็นหรือยังว่าพลานุภาพแห่งดิจิทัล ฟุตพรินท์เป็นอย่างไร
การแปรอักษรอันควรเป็นเรื่องของการแข่งขันกีฬาเพื่อเสริมสร้างความสามัคคี โดยพื้นฐานคือระหว่าง สวนกุหลาบวิทยาลัย เทพศิรินทร์ อัสสัมชัญ กรุงเทพคริสเตียน
เริ่มถูกแปรให้กลายเป็นเวทีแห่งความเคียดแค้นชิงชัง การสาดน้ำร้อน น้ำเย็นเข้าใส่กัน
การเมืองจาก”ภายนอก”สะท้อนเข้าไปยัง”ภายใน”
แม้เพื่อนนักเรียนของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะออกมาให้ข้อมูลยืนยันในลักษณะปกป้อง แต่พื้นที่แห่งปฏิกิริยาได้ขยายออกไปอย่างดุเดือดแหลมคม
เป็นการพยายามตอกย้ำภาพ”เดิม”บนฐานแห่งการเรียกขาน นามของ”พิธา”ให้เป็น”พิธาน” อันมาพร้อมกับการยื่นยาวของจมูกในแบบของ”พิน็อคชิโอ”
ถามว่า”ปฏิกิริยา”ร้อนแรงเหล่านี้มีรากฐานมาอย่างไร
หากวัดจากความเคียด เกลียดชัง อันซึมซ่านอยู่ในพื้นที่ของแต่ละช่องทางแห่งโซเชียล มีเดีย ก่อให้เกิดจินตนาการต่อหัวต่อหางไปอย่างพิสดารพันลึกเป็นลำดับ
อาจกลายเป็นอีก”ข้อมูล”ที่ต้องนำส่ง”ศาลรัฐธรรมนูญ”
อย่างน้อยก็เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับข้อกล่าวหาในเรื่องถือหุ้นไอทีวี อย่างน้อยก็เพื่อเสริมความมั่นใจว่าจะเป็นเหตุผลในการยุบพรรคก้าวไกล
นี่ย่อมเป็นอีกด้านจากปรากฏการณ์ความนิยมที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้มาจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566