เผยแพร่ |
---|
จังหวะก้าวของ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ กำลังได้รับการจับตาเพื่อติดตามอย่างให้ความสนใจเป็นพิเศษ
เป็นจังหวะก้าวที่ละม้ายเหมือนกับ”พิมพ์เขียว”ก่อนหน้านี้
ไม่ว่าจะมองผ่านตัวอย่างของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่าจะมองผ่านตัวอย่างของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
จากปรากฏการณ์”ฟ้ารักพ่อ”มายังปรากฏการณ์”ส้มรักพ่อ”
เพียงแต่กรณีของ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ก่อให้เกิด”คำถาม”ตามมาเป็นจำนวนมากกว่า
เพราะเหมือนและต่างจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
เพราะเหมือนและต่างจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
เหมือนตรงที่ไม่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ว่า นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ มาจากครอบครัวที่ถือ เป็นร้อยละ 1 ของสังคมไทย
มากด้วยความมั่งคั่ง มากด้วยความได้เปรียบ หากเทียบกับอีกร้อยละ 90 ที่มีอยู่ไม่ว่าในมหานครหรือในเมืองเล็กเมืองน้อย
เหมือนตรงที่เติบโตอยู่ในแวดวงที่ใกล้ชิดกับการเมืองและคนชั้นนำในทางการเมือง
เหมือนตรงที่ล้วนเป็นคนหน้าตาดี มีเสน่ห์ ตรึงใจ
หากมองจากรากฐานทางการศึกษาก็อาจจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ตรงที่คนหนึ่งอาจเริ่มจากวิศวกรรมศาสตร์ คนหนึ่งอาจเริ่มจากพณิชยศาสตร์และการบัญชี คนหนึ่งเรื่องอสังหาริมทรัพย์
กระนั้น เมื่อหยั่งลึกลงไปในแต่ละก้าวภายหลังจากจุดเริ่มต้น กลับไปอยู่ในลักษณะเดียวกัน
นั่นก็คือ มีความสนใจในการเมือง สนใจในรัฐศาสตร์
คนเหล่านี้สามารถไปเป็นนักบริหารธุรกิจ อุตสาหกรรม ต่อยอดสร้างความมั่งคั่งให้กับครอบครัวได้ แต่ในที่สุดกลับเลือกเข้าสู่หนทางการเมือง
ทั้งยังเป็นการเมืองที่แตกแถวออกจากฐาน”เก่า”ที่เคยใกล้ชิดทำให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ต่างจาก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
ทำให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ต่างจากคนรุ่น”บิดา” และเดินบนถนนคนละสายไปจากคนรุ่น”อา”
เช่นเดียวกับกรณีของ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์
หากมองอย่างเปรียบเทียบ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เดินล่วงหน้าไปปักหลักอยู่ที่”คณะก้าวหน้า”เรียบร้อยแล้ว
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รอคำวินิจฉัย”ศาลรัฐธรรมนูญ”
เส้นทางอย่างที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประสบ และอย่างที่กำลังสร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้กับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ทุกลมหายใจเข้า ลมหายใจออก
กำลังเป็นเส้นทางที่ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ศึกษาและทำความเข้าใจ