เผยแพร่ |
---|
สถานะและการดำรงอยู่ในทางการเมืองของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กำลังกลายเป็น”ประเด็น”และก่อให้เกิดเป็น”คำถาม”ตามมาในทางสังคม
ในเมื่อแม้กระทั่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เมื่อมีการอ้างอิงถึงก็เป็นการอ้างอิงในลักษณะที่ระบุ”นายกฯพิธา”
นี่ย่อมดำเนินไปในลักษณะเดียวกันกับที่เกิดขึ้นกับ นายกฯทักษิณ ชินวัตร นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือแม้กระทั่ง นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา
จะแตกต่างก็เพียงแต่ นายทักษิณ ชินวัตร นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยเป็น”นายกรัฐมนตรี” ขณะที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เสมอเป็นเพียง”ว่าที่”นายกฯ
คำถามอยู่ที่ว่าทำไมจึงมีการเรียกขานและเอ่ยอ้างต่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เช่นนั้น ทั้งๆที่ไม่เคยได้เข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน
นี่ย่อมเป็นคำถามที่พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ ต้องการคำตอบ
แม้กระทั่งพรรคเพื่อไทยเองก็ต้องการคำตอบเช่นเดียวกัน
คำตอบ 1 มาจากสถานะของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ดำรงอยู่บนฐานแห่งพรรคก้าวไกลได้ชัยชนะจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 มาเป็นอันดับ 1
จากจำนวนส.ส.ระบบเขต ระบบบัญชีรายชื่อมากถึง 151 คนจากจำนวนคะแนนบัญชีรายชื่อ 14.4 ล้านคะแนน
การได้ชัยชนะต่อพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ก็น่าทึ่งอย่างยิ่งอยู่แล้ว แต่นี่ยังได้ชัยชนะต่อพรรคเพื่อไทย
คำตอบ 1 มาจากความเป็นจริงที่ความนิยมต่อพรรคก้าวไกลและต่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ดำรงอยู่อย่างต่อเนื่องไม่ว่าก่อนเดือนพฤษภาคม ไม่ว่าในเดือนกันยายน
เห็นได้จากเมื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เดินทางไปพื้นที่ใดก็มีคนมาต้อนรับ เห็นได้จากเมื่อมีการเลือกตั้ง”ซ่อม”ก็ได้ชัยชนะ
คำตอบ 1 ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมากมีความสัมพันธ์กับความเชื่อมั่น และความไว้วางใจที่ประชาชนมอบอวยให้กับพรรคก้าวไกลและต่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ว่าจะเป็น”นายกรัฐมนตรี” หรือไม่ได้เป็นก็ตาม
ขณะเดียวกัน บทบาทของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เมื่ออยู่ใน ท่ามกลางประชาชนก็อบอุ่นเป็นกันเอง บทบาทของพรรคก้าวไกล ก็ยืนหยัดยืนยันในการก้าวต่อไปอย่างไม่ท้อแท้สิ้นหวัง
เป้าหมายในทาง”ยุทธศาสตร์”ก็คือการทำพรรคก้าวไกลให้เป็น”พรรคมวลชน”ให้จงได้ในทางเป็นจริง
ปณิธานหาญมุ่งเช่นนี้”ท้าทาย”ในทางการเมืองอย่างยิ่ง