หากติดตามการเคลื่อนไหวของ”แกน”แห่งพรรคก้าวไกลอย่างเกาะติดจะสัมผัสได้ในการเคลื่อนไหว ไม่ว่าระดับอันเป็น”ตัวเด่น” ไม่ว่าระดับ”ผู้ช่วยหาเสียง”

เห็นได้จาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เดินสายไปทางภาคตะวันออกริมชายทะเล นายชัยธวัช ตุลาธน ขึ้นไปปักหลักอยู่ภาค เหนือกับ นส.พรรณิการ์ วานิช ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม จูงแขน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ อยู่ทางภาคใต้

น่าสนใจเป็นอย่างมากก็คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทะยานไปยังอุดรธานี หนองบัวลำภู โดยที่ นายปิยบุตร แสงกนก กุล ลงจากเหนือมาอยู่บนถนนมิตรภาพ

หากไม่เห็นการเปิดตัวรถแห่ขนานใหญ่ภายใต้ยี่ห้อ”คาราวานก้าวไกล” โดยมี นายชัยธวัช ตุลาธน และ นส.พรรณิการ์ วานิช เป็นตัวละครสำคัญก็จะไม่เข้าใจ

จึงจำเป็นต้องอ่านคำประกาศอันถือเป็นแผนงานในช่วงโค้งสุดท้ายของพรรคก้าวไกลที่ว่า “คาราวานก้าวไกล ถนนทุกสาย มุ่งสู่ทำเนียบ”

นี่คือการรวมศูนย์กำลังครั้งใหญ่ก่อน 14 พฤษภาคม

 

ตลอด 1 เดือนแห่งการหาเสียง ไม่ว่าจะเป็นการดีเบต ประชันวิสัยทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์พิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการลงไปในพื้นที่

สังคมเจนตา เจนหูอย่างยิ่งกับเสียงของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กับเสียงของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประสานกับลีลาในการแจกแจงของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ

บทสรุปตรงกันเป็นอย่างงมากก็คือ เสียงจากแต่ละคนของ พรรคก้าวไกล หนักแน่นจริงจัง และดำเนินไปอย่างเป็นเอกภาพ ไม่ว่าจะเป็นหัวแถว ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัคร

มีความชัดเจนตั้งแต่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เสนอบทสรุปอันรวบรัดออกมาถึงภาพของรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้งที่ว่า”มีเราไม่มีลุง มีลุงไม่มีเรา”

เป้าหมายของ คาราวานก้าวไกล ถนนทุกสาย มุ่งสู่ทำเนียบ

 

วันที่ 4 พฤษภาคม คือวันแรกของการขับเคลื่อน”คาราวาน” หากมองผ่านภาพของประชาชนที่เข้ามาร่วมการเคลื่อนไหวที่บางแสนที่มี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยืนเด่นเป็นสง่า ก็จะรับรู้ว่าเส้นทางที่”คาราวานก้าวไกล”มุ่งไปเป็นอย่างไร

แต่ละเส้นทางจาก เหนือ ใต้ ออก อีสาน สถานีหนึ่งคือ การปราศรัยใหญ่วันที่ 12 พฤษภาคม

ทุกอย่างล้วนปูพื้นฐานและสร้างเงื่อนไขให้กับพรรคก้าวไกลให้กับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชัดเจน