ไม่ว่าจะมองการเคลื่อนไหวของ”สมณะ”รูปหนึ่งในอารามแห่งนคร สวรรค์ ไม่ว่าจะมองปฏิกิริยาอันเนื่องแต่บทบาทและการเคลื่อนไหว ของ”นักร้อง”อันถูกเรียกขานว่า คิ้มจองอึน

แม้ว่าเรื่องหนึ่งจะเนื่องแต่มาจากเส้นทางของ”ตำรวจถุงคลุมดำ” แม้ว่าเรื่องหนึ่งจะเนื่องจากท่าทีที่ตอบโต้ต่อ”แฟนคลับ”

กระนั้น เมื่อสืบสาวราวเรื่องแล้วก็กลายเป็นคนละเรื่องเดียวกัน

นั่นก็คือ กรณีอันเกิดขึ้นที่นครสวรรค์สัมพันธ์กับวัตรปฏิบัติซึ่งสะท้อนความเคยชินในแวดวงของตำรวจ โยงสายยาวไปยังเครือข่ายและความสัมพันธ์อยู่กับโครงสร้างของตำรวจแนบแน่น

เมื่อเป็นเช่นนี้คำประกาศอันที่เคยดังก้องกังวานในห้วงก่อนรัฐ ประหารและหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ที่ว่าจะต้อง

“ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง”ก็กัมปนาทขึ้น

เป็นคำประกาศอันมาจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ  กปปส.

เป็นการรับไม้ต่อโดยคสช.ทันทีที่ยึดอำนาจได้สำเร็จในเดือน พฤษภาคม 2557

คำถามก็คือ หากมีการปฏิรูปไฉนจึงเกิดกรณี”คลุมถุงดำ”ขึ้น

 

ยิ่งการขยายสมญานามแห่ง คิ้มจองอึน ให้กับนักร้องยิ่งสร้างสีสันอันเพริศแพร้วให้กับบรรยากาศแห่งการคอลเอ๊าต์และการออกโรงใน ทางการเมืองของแวดวงบันเทิง

คำถามก็คือ เหตุใดนักร้องสาวใหญ่อนงค์หนึ่งจึงถูกแฟนานุแหนตั้งสมญาให้ว่าเป็น คิ้มจองอึน

นั่นก็เพราะนักร้องคนนี้ไม่เพียงแต่มีเพื่อนพ้องอยู่ในแวดวงของ การเป่านกหวีดและออกโรงสนับสนุนพฤติการณ์ของ”มือปืนป็อบ คอร์น”อันเป็นสีสันแห่งมวลมหาประชาชนเท่านั้น

หากตัวนักร้องคนเดียวกันนี้ยังมีสายสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหว ของมวลมหาประชาชนกปปส.อย่างต่อเนื่องและยาวนาน

เมื่อถูกจับร่องรอยได้ก็ตอบโต้กับแฟนานุแฟนอย่างดุเดือด

 

ไม่ว่าจะมองผ่านบทบาทของ”สมณะ”แห่งนครสวรรค์ ไม่ว่าจะมอง ผ่านบทบาทของ”นักร้อง”ที่เดินแนวทางเดียวกันกับคิมจองอึน มีราก ฐานมาจากแหล่งเดียวกัน

นั่นก็คือ รากฐานแห่ง”อำนาจ”ที่โน้มไปในจารีตอนุรักษนิยม

เมื่อปรากฏในเทศะอันเหมาะสมก็จะปล่อยชุดคำในทางความ คิดอันเป็นความเคยชินออกมาให้ปรากฏ

เป็นท่วงทำนองที่แทบไม่ต่างไปจากท่วงทำนอง”คิมจองอึน”