เผยแพร่ |
---|
กรณี “ทวงคืนผืนป่าดอยสุเทพ”ที่กำลังร้อนมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับจะกลายเป็น “บทเรียน” อันแหลมคมยิ่ง
เหมือนกับเป็นเรื่องในกรอบ”อนุรักษ์ธรรมชาติ”
เหมือนกับเป็นเรื่องอันตูมตามขึ้นมาจาก”กรณีไว้อาลัยเสือดำ” แห่งป่าทุ่งใหญ่นเรศวร กาญจนบุรี
ไม่ใช่หรอก
ใครก็ตามที่ติดตามเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องก็จะสัมผัสได้ในลักษณะ “บานปลาย”
จาก”ดอยสุเทพ”จะกลายเป็น”ระดับชาติ”
เป็นระดับชาติในเรื่อง”อนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” เป็นระดับชาติในเรื่อง “บริหารจัดการ”
ในที่สุด เรื่องนี้จะอยู่ในความรับผิดชอบของ”คสช.”
แรกที่กรณีบ้านพักตุลาการซึ่งสร้างอยู่บนดอยสุเทพ-ปุยปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ
มีการสกิดว่าเป็นเรื่อง”นานมาแล้ว”ทำไมเพิ่งไม่พอใจ
ทั้งยังมีการชี้ด้วยว่าความนานมาแล้วสัมพันธ์กับรัฐบาลเก่าคนเก่าที่อยู่ในแวดวงหน้าเดิมๆในทางการเมือง
เป้าหมายก็เพื่อจะเตะสกัดขา
แต่พลันที่มีการเผยแพร่”ภาพถ่ายทางอากาศ”พร้อมกับการเกิดขึ้นของวลีว่าด้วย “ป่าแหว่ง”
การรุกอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยก็กลายเป็น”กระแส”
“อดีต” มีความเป็นมาแต่ก็เป็นความเป็นมาอันมากด้วยความสลับซับซ้อน แต่ “ปัจจุบัน” ต่างหากที่สำคัญ
กรณีนี้อาจเริ่มจาก “จุดเดียว” แต่ก็ได้รับ “การขยาย”
กลายเป็นเรื่องที่สะเทือนความรู้สึกของ”คนเชียงใหม่” กลายเป็นเรื่องที่สะเทือนความรู้สึกของ”คนรักป่า”
ในที่สุดภาพแห่ง”จำเลย”ก็เด่นชัด
เหมือนกับจำเลยจะเป็นบรรดา”ตุลาการ” เหมือนกับจำเลยส่วนหนึ่งจะเป็นคนใน “รัฐบาลเก่า”
แต่เอาจริงๆจำเลยคือ “โครงสร้าง”ของ”การบริหาร”
สะท้อนให้เห็นโครงการต่างๆที่ลงมายังส่วนภูมิภาคไม่ได้ผ่านการหารือกับ”ชาวบ้าน”ในพื้นที่ เป็นเรื่องที่”ส่วนกลาง”กำหนด
ลงมา
คำว่า”รวบอำนาจ”ต่างหากที่กำลังเป็น”จำเลย”