เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
เป้าหมายล้วนต้องการเปลี่ยน”ภูมิทัศน์”ในทางการเมือง
พูดให้ตรงอย่างที่สุดก็คือ เปลี่ยนภูมิทัศน์ในทางการเมืองจากที่เคยดำรงอยู่จากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคม 2544
รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ก็เพื่อเป้าหมายหมายนี้
แต่เมื่อผ่านการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม 2550 ภูมิทัศน์ใน ทางการเมืองก็ยังเหมือนเดิม
ยิ่งเมื่อผ่านการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ยิ่งชัด
จึงจำเป็นต้องก่อรูป”กปปส.”เหมือนกับที่เคยก่อรูป”พันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”แล้วก็รัฐประหารอีกในปี 2557
จึงได้เกิดรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ขึ้น
ถามว่า “ภูมิทัศน์”ซึ่งเป็นหนามยอกอกจำเป็นต้องก่อรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่าคืออะไร
คำตอบ 1 คือ ชัยชนะของ”ไทยรักไทย”
เป็นชัยชนะจากเดือนมกราคม 2544 จากเดือนกุมภาพันธ์ 2548
ต่อเนื่องมายังเดือนธันวาคม 2550 เดือนกรกฎาคม 2554
เป็นชัยชนะที่ไม่ว่าจะใช้ชื่อ ไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย ก็สามารถยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ บางส่วนในภาคกลาง กทม.
ส่วนรองเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ กทม.บางส่วนในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
พรรคที่เหลือก็กลายเป็นระดับ”จังหวัด”
พรรคชาติไทยพัฒนา สุพรรณบุรีและปริมณฑล พรรคภูมิใจไทย บุรีรัมย์และปริมณฑล พรรคชาติพัฒนา เขต 1 นครราชสีมา พรรคพลังชล ชลบุรีและบางส่วน
ความเป็นจริงนี้สัมผัสได้ตั้งแต่ปี 2544 มาแล้ว
หากไปศึกษา ไม่ว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ไม่ว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ล้วนมีวัตถุประสงค์เพื่อทลายห้าง
ความหมายก็คือ พรรคเพื่อไทย
ตราบใดที่ “พรรคคสช.”ยังไม่มั่นใจ ตราบนั้น การเลือกตั้งก็ยื้อ ถ่วง หน่วงและเลื่อนไปเรื่อยๆ เหมือนที่เกิดขึ้นกับบรรดา”ปฏิ ญญา”ทั้งหลายจาก 2558 จนถึง 2560
มั่นใจเมื่อใด เมื่อเอยก็เมื่อนั้น