เผยแพร่ |
---|
ขณะที่ 1 ทำเนียบรัฐบาล กลายเป็นแหล่งดูดอันทรงพลานุภาพใน ทางการเมือง และ 1 พรรคประชาธิปัตย์ กลายเป็น”เป้า”แห่งพลังดูดอย่างชนิดตีกลางแสกหน้า
ภายใน “พรรคเพื่อไทย” สงบนิ่งอย่างยิ่ง
อาจเป็นเพราะพรรคเพื่อไทยมีสมาชิกพรรคที่เหลือตกค้างจากพรรคพลังประชาชนล่าสุดเพียง 1.3 แสนคน
แรงกระเพื่อมจึงปรากฏไม่มากนัก
หากนำไปวางเรียงเคียงข้างกับจำนวนสมาชิก 2.8 ล้านคนของพรรคประชาธิปัตย์
กระแสดูดอาจปรากฎก็ที่ “นครปฐม”
ขณะที่ “กลุ่มวาดะห์” แม้จะพาเหรดกันไปอยู่”พรรคประชาชาติ” แต่ภายในพรรคเพื่อไทยก็ยินดี
ท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่อแรงกระเพื่อมอันมาจาก”นครปฐม”ก็เปี่ยมด้วยความเข้าใจ
ไม่ใช้ท่าทีขับไล่ไสส่ง
ยิ่งเห็นอาการอันมาจาก “คสช.” อันมาจาก “ทำเนียบรัฐบาล” ต่อกรณี นายสมชัย สัจจพงษ์ ยิ่งทำให้เกิดภาพเปรียบเทียบโดยอัตโนมัติ
ลองสดับ”น้ำเสียง” นายภูมิธรรม เวชยชัย
“ไม่ได้ไปตีกอล์ฟกับตระกูลสะสมทรัพย์แต่ไปตีที่สนามของเขา ส่วนเจ้าของสนามจะมาร่วมหรือไม่ยังไม่ทราบเลยเพราะเป็น เรื่องของเขา
ที่เลือกไปสนามนิกันติ นครปฐม เพราะติดอันดับเป็นสนามที่ดีสนามหนึ่ง คนที่รู้ก็ขอไปด้วย”
นี่ย่อมเป็นลีลาเพลงยาวระดับ
ไม่ว่า”ขอเสี่ยงสารมาสมานไมตรีสมร” ไม่ว่า”จะนับทุ่มโมงท่าสารารส มีกำหนดแต่ละวันสักพันหน”
สำนวนสมัยพระนารายณ์มหาราชเลยเชียวละ
ทำไมพรรคเพื่อไทยจะไม่เข้าใจหัวอกหัวใจของตระกูลสะสมทรัพย์แห่งนครปฐม
หลังรัฐประหารต้อง”กลืนเลือด”อย่างไรทุกคนรู้
ยิ่งผลประโยชน์ในเรื่อง”กำจัดขยะ”ระหว่างนครปฐมกับกทม.มีลึกซึ้งอย่างไร ยิ่งประจักษ์ว่าการเข้าไปของแกนนำจากกปปส.ทรงความหมายลึกซึ้ง
พรรคเพื่อไทยจึงต้อง”เดินเกม”อย่างสุขุม คัมภีรภาพ