เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่าเสียงจากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าเสียงจากพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์
ต่อจำนวน 42 กลุ่มที่ต้องการจัดตั้ง”พรรคการเมือง”
นั่นก็คือ ความรู้สึก “ร่วม” อันสะท้อนสภาวะอัดอั้นตันใจที่บ้านเมืองอยู่ในความไม่เป็นปรกติ
ว่างเว้นจาก “การเลือกตั้ง”
เป็นความไม่ปรกติตั้งแต่ “คสช.” ตัดสินใจทำ “รัฐประหาร”เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 แล้วก็นำเสนอบทเพลงอันสุดแสนๆไพเราะ
เราจะทำตาม “สัญญา” ขอ “เวลา” อีกไม่นาน
เป็นความอัดอั้นตันใจอะไร”คสช.”ย่อมรู้”คำตอบ”เป็นอย่างดี
ความจริง สัญญาณอันบ่งบอกความต้องการ “การเลือกตั้ง” สำแดงให้เห็นนับแต่ประกาศและบังคับใช้ “รัฐธรรมนูญ”เมื่อเดือนเมษายน 2560 มาแล้ว
คำประกาศว่าจะเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน 2561 จึงถูกใจเป็นอย่างสูง
ตลาดหุ้น คึกคัก พรรคการเมือง คึกคัก
แต่พลันที่มีการโยกโย้ 1 ไม่ยอมปลดล็อก”พรรคการเมือง”และ 1 ออกคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 ออกมา อันนำไปสู่เหตุผลในการยกร่างพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.
เตะถ่วง หน่วง ออกไปอีกจากเดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2562
ก็รู้กันทั่วโลกว่า “คสช.”ไม่อยาก”เลือกตั้ง”
ก็รู้กันทั่วโลกว่า “คสช.” ต้องการ ยื้อ ถ่วง หน่วง ออกไปให้ยาวนานที่สุด หรือกระทั่งไม่ให้มี”เลือกตั้ง”
แต่ถามว่าจะทำได้หรือ
สถานการณ์ในทางการเมืองขณะนี้อาจกล่าวได้ว่า “คสช.”มาถึง
สถานีสุดท้ายแล้ว
ไม่เพียงแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 จะต้อง”เลือกตั้ง”
หากแต่มีความเป็นไปได้ยากมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับว่าการเลื่อนการเลือกตั้งจะทำได้ลำบาก หรือมิอาจเป็นไปได้เลย
เพราะอาจจะทำให้เป็นจุดสุดท้ายแห่งความอดทนของประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่งอันเคยปรากฏในเดือนตุลาคม 2516 หรือ เดือนพฤษภาคม 2535
นี่คือสภาวะ”เปราะบาง”อย่างยิ่งในทางการเมืองหลังรัฐประหารเมื่อ 3 ปีก่อน