เผยแพร่ |
---|
หากมองจากปรากฏการณ์ “ข่าว” ผ่านสื่อกระแสหลักไม่ว่าจะเป็น “หนังสือพิมพ์” ไม่ว่าจะเป็น”โทรทัศน์”
ข่าว “10 กุมภาพันธ์” เงียบอย่างยิ่ง
หาก “มาบุญครอง”ไม่ออกแถลงการณ์ หาก”ผู้ค้าราชประสงค์” ไม่ออกแถลงการณ์
หากกทม.ไม่เอารั้วเหล็กไปกั้น
คงไม่มีใครรู้ว่าที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยได้มีการนัดหมายกันอย่างไรในตอน 16.00 น.ของวันที่ 10 กุมภาพันธ์
ยิ่งมี”หมายจับ” 4 แกนนำ ยิ่งเป็นเรื่องน่ากลัว
พื้นที่สำหรับ นายรังสิมันต์ โรม หรือแม้กระทั่ง นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ในสื่อกระแสหลักจึงมีน้อยอย่างยิ่ง
จึงยากยิ่งที่จะ Start Up บนถนนราชดำเนิน
ยิ่งหากมองจากสถานการณ์“ข่าว”ที่รวมศูนย์ไปยังกรณี”เสือดำ” ณ ทุ่งใหญ่ นเรศวร กาญจนบุรี
ยิ่งทำให้กรณี”นาฬิกา”หรู เงียบ
ยิ่งทำให้กรณี”ยืมเงินเพื่อน 300 ล้านบาท”แทบไม่ได้รับความสนใจจากสังคม
แม้ว่าจะเป็น 300 ล้านบาทจากสถานอบอาบนวด
เมื่อข่าวของ “เจ้าสัว” บริษัทใหญ่ยักษ์ในด้านรับเหมาก่อสร้างมายึดครองพื้นที่เสียแล้ว
จะเหลืออะไรให้กับ”นาฬิกา”หรู
จะเหลืออะไรให้กับ “น้องโบว์ ณัฎฐา” หรือความอ้วนตุตะของ “จ่านิว สิรวิชญ์”
กระแสหลั่งไหลไปยัง”สัตว์ป่า”จนหมดสิ้น
จึงแทบไม่เหลืออะไรให้กับความพยายามที่จะ Start Up
People
สถานการณ์การชุมนุมบนถนนราชดำเนิน โดยมีอนุสาวรีย์ประชา ธิปไตยเป็นจุดสร้าง”ความหมาย”
จึงเท่ากับเป็นการลองของอย่างสำคัญ
เป็นไปได้หรือไม่ที่จะสร้าง “กระบวนการ” ขึ้นมาอย่างเป็นไปในแบบ “ธรรมชาติ”
ไม่มี “การจัดตั้ง” ไม่มี “ท่อน้ำเลี้ยง”
ตรงนี้ย่อมเป็น “มาตร” วัดความรู้สึกของคนกทม.ได้เป็นอย่างดีว่ายอมรับ”คสช.”เหนียวแน่น มั่นคงเพียงใด