เผยแพร่ |
---|
การเดินทางไปร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัว นายกิตติ มณีวรรณ ของ สส.พรรคก้าวไกล กำลังส่งผลสะเทือนในทางความคิด อย่างทรงความหมาย
ไม่เพียงเพราะว่า สส.เหล่านั้นได้แก่ นายปิยะรัฐ จงเทพ เขตบางนา นส.ธิษะณา ชุณหะวัณ เขตปทุมวัน นส.ภัสริน รามวงศ์ เขตดุสิต นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ เขตจตุจักร
และรวมถึง ปารมี ไวจงเจริญ ซึ่งเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะคนที่ได้รับความเชื่อถือเป็นอย่างสูงในแวดวงทางการศึกษา
หากที่สำคัญเป็นอย่างมาก การเสียชีวิตของ นายกิตติ มณีวรรณ คือการร่วมแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตจากเหตุความรุนแรงในการร่วม”กิจกรรมรับน้อง”ของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง
คล้อยหลังการร่วมแสดงความเสียใจไม่นานก็นำไปสู่การขับ เคลื่อนอย่างมีกัมมันตะจากสส.พรรคก้าวไกล นั่นก็คือ เปิดศูนย์รับเรื่องราวอันเกี่ยวกับ”กิจกรรม”ที่ไม่เป็นธรรมในสถาบันการศึกษา
ในอีกด้านหนึ่งจึงเท่ากับเป็นการพลิกบทบาทแห่ง”กลุ่มฟื้นฟูโซตัสใหม่”ขึ้นมา
เป็นการฟื้นขึ้นมารับบรรยากาศแห่ง”เดือนตุลาคม”
ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ในเดือนตุลาคม 2516 มีความสัมพันธ์กับความตื่นตัวในทาง”ความคิด”ของนักศึกษาและปมหนึ่งแห่งความตื่นตัวมาจากระบบอาวุโสที่ดำรงอยู่อย่างเหลื่อมล้ำ
นั่นก็เห็นได้จากอุบัติแห่ง”กลุ่มฟื้นฟูโซตัสใหม่” ไม่ว่าจะเป็นที่สามย่าน ท่าพระจันทร์ หรือบางเขน
ไม่ว่าจะเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย ไม่ว่าจะเป็น นายเสกสรร ประเสริฐกุล ไม่ว่าจะเป็น นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ล้วนเคยอยู่ใน บรรยากาศแห่งความอัปลักษณ์นี้
สถานการณ์เดือนตุลาคม 2516 อาจสามารถ”ปลดปล่อย”ในทาง”ความคิด”และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามมาผ่านการ เมืองภายในมหาวิทยาลัยอย่างคึกคัก
แต่เมื่อเกิดสถานการณ์เดือนตุลาคม 2519 ก็นำไปสู่การฟื้นคืนการรับน้องและประเพณีที่ล้าหลังในแต่ละมหาวิทยาลัย
การดำรงอยู่ของกิจกรรม”รับน้อง”กระทั่งก่อให้เกิดการเสียชีวิตอย่างน่าเศร้า ไม่เพียงแต่ยืนยันถึงการดำรงอยู่ของประเพณีรับน้องที่ล้าหลังและเป็นอันตราย
หากยังเป็น”รูปธรรม”แห่งการถอยหลังในทาง”ความคิด”
เมื่อสังคมถูกครอบงำโดยกระบวนการในทาง”ความคิด”อัน เป็นปฏิปักษ์กับจิตวิญญาณแห่งระบอบ”ประชาธิปไตย” ภาวะแห่งความเหลื่อมล้ำจึงยังดำรงอยู่
และเป็นหน้าที่ของ”นักการเมือง”ที่หวังดีต่อทุกชีวิตจะต้องห่วงหาอาทรและเสาะค้นหนทางในการต่อสู้ แก้ไข
ภาระนี้จึงตกอยู่บนบ่าของ”นักการเมือง”แห่ง”ก้าวไกล”